สมยศเดินหน้าหาโค้ชใหม่ต้องเคยไปบอลโลก

หลังจากที่ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ได้โพสต์อินตาแกรมส่วนตัว ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา ปิดฉากการคุมทัพช้างศึก ซึ่งเริ่มเข้ามารับงานตั้งแต่ พ.ศ.2556 ฉุดกระแสบอลทีมชาติไทย ให้กลับมาโด่งดังอีกครั้ง ทั้งการคว้าแชมป์อาเซียนคัพ 2 สมัย, เหรียญทองซีเกมส์ ที่เมียนมา, แชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงสคัพ” ครั้งที่ 44 รวมทั้งนำทีมชาติไทย เข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย ทว่าผลงานผ่าน 7 นัด ของการคัดบอลโลก เก็บได้เพียงแต้มเดียว ตกรอบแน่นอนแล้ว ทำให้เกิดกระแสกดดันจากด้านต่างๆ จนมีการประกาศลาออกในที่สุด

สำหรับปีนี้ ทีมชาติไทย ยังมีเกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รออยู่อีก 3 นัดที่เหลือ คือ 13 มิ.ย. พบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี) ที่สามราชมังคลากีฬาสถาน, 31 ส.ค. พบ อิรัก ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน และ 5 ก.ย. พบ ออสเตรเลีย ที่ออสเตรเลีย นอกจากนี้ ยังมีเกมอุ่นเครื่อง พบ อุซเบกิสถาน 6 มิ.ย. ที่กรุงทาชเคนต์ รวมทั้งฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงสคัพ” ที่ยังไม่กำหนดวัน

“บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงโค้ชฟุตบอลเป็นเรื่องปกติ ซึ่งการที่ “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ ประกาศลาออกนั้น ตนไม่เคยทราบล่วงหน้า หรือคุยกับโค้ชซิโก้มาก่อน ส่วนตัวแล้วไม่มีอะไรขัดแย้ง ทุกครั้งที่จบการแข่งขัน ถ้าผลต้องปรับปรุง ก็จะบอกกันทุกครั้ง ว่าเดี๋ยวมาคุยกัน แต่ครั้งนี้ นายเกียรติศักดิ์ ตัดสินใจไปแล้ว ตนก็เคารพการตัดสินใจ เป็นสิทธิที่จะทำได้

ส่วนเรื่องโค้ชคนใหม่นั้น ประมุขลูกหนังไทย กล่าวว่า หากเลือกได้ สเปกของตนคือ ต้องเป็นโค้ชที่มีประสบการณ์ เคยนำทีมชาติใด ทีมชาติหนึ่ง เข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกมาแล้ว เปรียบเหมือนายพรานที่รู้เส้นทางล่าสัตว์ ส่วนเกม 3 นัดที่้เหลือ ในฟุตบอลโลก อาจจะไม่คาดหวังอะไรมาก เพราะไม่มีผลแล้ว ดังนั้นอาจใช้เป็นการทดสอบโค้ช ทดสอบนักเตะ การแต่งตั้งโค้ชคนใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีจังหวะที่ตรงกัน ซึ่งเป็นไปได้ว่า จะใช้ 3 แมตช์ ของฟุตบอลโลก เป็นการทดสอบ ถ้าตนเจะตั้งโค้ชใหม่แล้ว ก็ไม่กลัวอาย ถ้าเปลี่ยนก็เพื่อก้าวไปข้่างกน้า เป้าหมายคือฟุตบอลโลก 2026 ที่จะเพิ่มทีมเป็น 48 ทีม และคาดว่าชาติอเชียจะได้สิทธิ 8 ทีม