ย้อนดู 10 เรื่องสุดยอด พรีเมียร์ลีกนัดก่อนคริสต์มาส

เกมพรีเมียร์ลีก นัดก่อนวันคริสต์มาส ในปีนี้แข่งขัน ในวันศุกร์ 1 คู่ และคืนวันเสาร์รวดเดียวอีก 9 คู่ ซึ่งผลการแข่งขันหลายๆเกม ถือว่ามีประเด็นน่าสนใจ เราจะไปไล่เรียงกัน ดูซิ ว่าคุณพลาดตรงไหนไปบ้างหรือเปล่า?

   1) เรือใบไร้เทียมทาน 

    ขณะที่คู่แข่งแย่งแชมป์ทั้งแมนฯยูไนเต็ด ,เชลซี, ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล ทำแต้มสะดุดหมด แต่เรือใบ เป็นทีมเดียวที่ชนะแบบใสๆ  กุน อาเกวโร่ ก่อนเกมมีข่าวว่าไม่พอใจ ที่ต้องเป็นสำรอง มาเกมนี้ เป๊ป ส่งลงเป็นตัวจริง และยิง 2 แอสซิสต์ 1 ครบเครื่องสุดๆ

เกมรับก็แข็งแกร่ง ไม่เสียประตูอีกแล้ว พวกเขาคือทีมที่เสียน้อยสุดในพรีเมียร์ลีก ครบเครื่องขนาดนี้ ทำแต้มห่างอันดับ 2 13 แต้ม แบบนี้เกมลุ้นแชมป์น่าจะจบได้หรือยัง?

    2) บิ๊กแซมของจริง 

 ตั้งแต่ แซม อัลลาร์ไดซ์ เข้ามาคุมเอฟเวอร์ตัน ผลงานของทีมทอฟฟี่ ชนะ 4 เสมอ 2 ยังไม่แพ้ใครแม้แต่เกมเดียว

    2 นัดที่เสมอ คือการบุกไปเสมอลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์ และ เสมอเชลซีได้ในเกมนี้ มันแสดงให้เห็นว่า บิ๊กแซม เอาประสบการณ์ของตัวเอง มาประยุกต์กับเอฟเวอร์ตันได้ดีมากๆ ตอนนี้ทอฟฟี่ ขึ้นมาอยู่ครึ่งบนของตารางแล้ว และเครดิตก็ควรตกเป็นของอัลลาร์ไดซ์เต็มๆ

    3) ขาดโมราต้าเหมือนขาดใจ

  เชลซี นัดที่เสมอเอฟเวอร์ตัน พวกเขามีโอกาสยิงทั้งเกม 25 ครั้ง ตรงกรอบไป 8 หน แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้เลย

เกมนี้ เชลซี ไม่มีอัลบาโร่ โมราต้า ที่มีอาการบาดเจ็บ และใช้ สามแนวรุกตัวจิ๋ว เปโดร, อาซาร์ และ วิลเลี่ยน ซึ่งกลายเป็นว่า สามคนนี้ ไม่มีอะไรไปเจาะเอฟเวอร์ตันได้เลย

 ตัวสำรองที่ลงมา อย่างมิชี่ บาตชูอายี่ ก็ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรเท่าไหร่ เรียกได้ว่าการขาดสไตรเกอร์ชั้นยอดอย่างโมราต้า มันส่งผลในการจบสกอร์จริงๆ

   4) หงส์แดงเกมรุกสุดยอด เกมรับย่ำแย่

ลิเวอร์พูล สร้างโอกาสยิงในเกมที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ได้มากกว่าอาร์เซน่อล ทั้งๆที่เป็นเกมเยือน พวกเขามีความหวือหวา บรรดาแนวรุกสร้างสรรค์โอกาสกันได้ตลอด

แต่ทว่าในเกมรับ ลิเวอร์พูลขาดสมาธิ จนเสียประตู 3 ลูกใน 5 นาที ยังดีว่า ฟีร์มีโน่ มาซัดตีเสมอ ไม่อย่างนั้น พวกเขาคงกลับบ้านมือเปล่าไปแล้ว

จังหวะที่เข้าตาคือ ซิมง มิโญเล่ต์ เซฟลูกยิงไกล 25 หลา กลางประตูของกรานิต ชาคาไม่ได้ ซึ่งนี่คือประตูตีเสมอ ที่โกล์ระดับชั้นนำไม่น่าพลาดได้เลย

 5) ปืนใหญ่จะทำอย่างไร ถ้าไร้อเล็กซิส-โอซิล

 อเล็กซิส ซานเชซ กับ เมซุต โอซิล จะหมดสัญญากับอาร์เซน่อลในซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ และเดือนมกราคมนี้จะเจรจากับทีมอื่นได้อย่างอิสระทันที ในเกมกับลิเวอร์พูล สองคนนี้ยิงคนละลูก คือถ้าสองคนนี้ไม่อยู่ ทีมปืนใหญ่คงแพ้คาบ้านไปแล้ว คำถามคือ ถ้าต้องเสียไปจริงๆ อาร์เซน่อลจะรับมืออย่างไร 

   6) ราฟารอดตาย!

   นิวคาสเซิล ไม่ชนะใคร 9 เกมติดกันในพรีเมียร์ลีก จนร่วงไปอยู่โซนตกชั้น สถานการณ์ของราฟาเอล เบนิเตซ วิกฤตถึงขีดสุด ยิ่งนัดหน้าต้องไปเจอแมนฯซิตี้จ่าฝูงอีก บอกตามตรงว่าโอกาสมีแต้ม แทบไม่มี

ดังนั้นเกมกับเวสต์แฮม พวกเขาต้องชนะให้ได้ และราฟา ก็ทำได้จริงๆ ประตูจากฟรีคิกสุดงาม ของอองรี ไซเว่ต์ และ อีกสองเม็ด จาก โมฮัมเหม็ด ดิยาเม่ กับ คริสเตียน อัตซู สรุปชนะเวสต์แฮมไป 3-2 ทำแต้มพลิกให้นิวคาสเซิล กระโดดมาอยู่อันดับ 15 ของตารางได้สำเร็จ เรียกว่าหายใจโล่งขึ้นเยอะ

    7) ดาวซัลโวยังสูสี 

 โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ยิงหนึ่งเม็ดในเกมกับอาร์เซน่อล ให้หงส์แดง ทำให้สกอร์รวมซีซั่นนี้ เขายิงไป 15 ลูก ขณะที่แฮร์รี่ เคน ก็ไม่ยอม ในเกมกับเบิร์นลีย์ เขาซัดรัว 3 เม็ด ทำให้สกอร์อยู่ที่ 15 เม็ดเท่ากัน ถือว่าไล่บี้กันได้อย่างสนุก

   ขณะที่หอกคนอื่น ก็มีลุ้นสอดแทรก กุน อเกวโร่ ยิงไปแล้ว 12 ประตู ในซีซั่นนี้ ขณะที่ราฮีม สเตอร์ลิ่ง มาเงียบๆ แต่ซัดไป 12 ประตูแล้วเช่นกัน ส่วนคนยิง 10 ประตูมีสองคน คือโรเมลู ลูกากู ของแมนฯยูไนเต็ด กับ เวย์น รูนี่ย์ ของเอฟเวอร์ตัน

    8) การลุ้นท็อปโฟร์เบียดกันมันส์

 ชัยชนะของสเปอร์ส ทำให้พวกเขาแซงอาร์เซน่อลขึ้นมาอยู่ที่ 5 ของตาราง ตามหลังหงส์แดงอันดับ 4 แค่ 1 แต้ม

ตอนนี้  ถ้าตัดแมนฯซิตี้ที่นำโด่งออกไป ทั้งแมนฯยูไนเต็ด ,เชลซี ,ลิเวอร์พูล , สเปอร์ส และ อาร์เซน่อล มีแต้มห่างกันแค่หลักหน่วยเท่านั้น ยังสามารถพลิกขึ้นลงกันได้ตลอด ดังนั้น เกมต่อเกม จะพลาดกันไม่ได้เด็ดขาด

    9) บอร์นมัธ วิกฤติแล้ว 

 บอร์นมัธ ทีมที่อยู่รอดในพรีเมียร์ลีกแบบสบายๆเมื่อซีซั่นก่อน มาปีนี้ เจอกับความยากลำบาก ใน 7 เกมหลังสุด พวกเขาไม่ชนะใครเลย ยิ่งเกมล่าสุด โดนแมนฯซิตี้ ถลุงมา 4 เม็ด ยิ่งทำให้หล่นไปอยู่โซนตกชั้นเป็นครั้งแรก

เอ็ดดี้ ฮาว กุนซือบอร์นมัธ จะได้เล่นในบ้านอีกนัดต่อไป คือการเจอกับเวสต์แฮม และเอฟเวอร์ตัน ถ้าหากยังเก็บแต้มไม่ได้อีก คราวนี้อาจกลายเป็นตัวเต็งตกชั้นทีมต่อไป

 10) แมนฯยูไนเต็ด เล่นเกมรับจนทำร้ายตัวเอง

 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรชนะเลสเตอร์ได้ง่ายๆ พวกเขามีรูปเกมที่ดีกว่า โอกาสเยอะกว่า ตัวผู้เล่นมากกว่า ไม่มีอะไรที่เลสเตอร์ สู้ได้เลย แต่การเล่นเกมรับ กะรักษาสกอร์แทนที่จะบุกปิดบัญชีไปเลย เปิดโอกาสให้เลสเตอร์ได้ตอบโต้ ก่อนที่จะมาโดนตีเสมอนาทีที่ 90+5  

 พวกเขาทิ้งโอกาสมากมาย และไม่มีวิญญาณเพชฌฆาตเพียงพอ นั่นทำให้เสียไป 2 แต้มอย่างน่าเสียดาย ซึ่งแฟนผีแดงก็ได้แต่เซ็งกันไป ที่โอกาสลุ้นแชมป์ แบบจะหลุดลอยไปแบบ 100% แล้ว