เมห์เหม็ต ดัลมาน นายหน้าที่ช่วยให้ตระกูล เกลเซอร์ เข้าเทคโอเวอร์ แมนฯ ยูไนเต็ด แฉว่า มูอัมมา กัดดาฟี่ อดีตผู้นำลิเบีย เกือบจะเข้าซื้อ “ปีศาจแดง” ได้สำเร็จ ซึ่งถือว่าตรงกับที่ลูกชายของ กัดดาฟี่ เคยให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2005
ในปี 2004 จอห์น แม็คเนียร์ กับ เจพี แม็คมานัส ต้องการขายหุ้นใน แมนฯ ยูไนเต็ด จำนวน 29.9 เปอร์เซ็นต์ที่พวกเขาถือครองอยู่ หลังจากที่พวกเขามีปัญหากับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานผู้จัดการทีมชาวสกอตต์เกี่ยวกับเรื่องม้าแข่งชื่อ ร็อค ออฟ ยิบรอลตาร์ ซึ่งทั้งคู่ก็ติดต่อ ดัลมาน ให้ช่วยขายหุ้นให้พวกเขา
ดัลมาน ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานของ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ทีมในศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ นั้น ให้สัมภาษณ์กับ เดอะ เทเลกราฟ สื่อของเมืองผู้ดีว่า “หลายคนไม่รู้ว่ามันเกือบจะมีการทำข้อตกลงกับคนของ ลิเบีย แล้ว กัดดาฟี่ เคยเกือบที่จะได้ซื้อทีม มันเกือบจะเป็นอย่างนั้นแล้ว ถ้าให้เทียบก็ประมาณว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงเขาก็จะซื้อทีมได้สำเร็จนั่นแหละ”
คำให้สัมภาษณ์ของ ดัลมาน ถือว่าตรงกับที่ อัล-ซาอัดดี้ กัดดาฟี่ ลูกชายของอดีตผู้นำ ลิเบีย เคยให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2005 ว่าพวกเขาเกือบจะซื้อหุ้นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ โดยตอนนั้น อัล-ซาอัดดี้ เผยกับ ไฟแนนเชี่ยล ไทมส์ สื่อด้านธุรกิจรายหนึ่งว่า “เมื่อราว 7 หรือ 8 เดือนก่อนเราเกือบที่จะซื้อหุ้นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้แล้ว เราเก็บเป็นความลับเพราะเราคิดว่าเราจะซื้อทีมได้ แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ”
“ผมบอกกับคุณพ่อว่ามันจะให้ความรู้สึกเหมือนเราซื้อคริสตจักรของอังกฤษได้สำเร็จเลย มันเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากๆ อาจจะถึงขั้นเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้มันเป็นไปได้ยากก็เพราะเรื่องของแฟนๆ และเรื่องประวัติศาสตร์ มันเป็นสโมสรที่ยอดเยี่ยมสุดๆ” ลูกชายของอดีตผู้นำลิเบีย ระบุ
สำหรับ กัดดาฟี่ นั้น ถือเป็นจอมเผด็จการที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่ง โดยหลังจากไม่ประสบความสำเร็จในการซื้อหุ้นของ แมนฯ ยูไนเต็ด เขาก็ไปทุ่มเงินซื้อ เปรูจา ทีมในอิตาลีแทน ส่วนหุ้นจำนวน 29.9 เปอร์เซ็นต์ของ แม็คเนียร์ กับ แม็คมานัส ถูกขายให้ตระกูลเกลเซอร์ในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ เป็นที่เชื่อกันว่า กัดดาฟี่ เป็นแฟนบอล ลิเวอร์พูล หลังจากที่มีการพบเหยือกที่มีตราสโมสร “หงส์แดง” เป็นหนึ่งในสมบัติของเขาหลังจากที่เสียชีวิต
