ความสำเร็จซื้อได้ด้วยเงิน? ย้อนดู อาร์เซน่อล กับ 3 ซีซั่นช็อปตลาดเกิน 100 ล้านปอนด์!

เดอะ กันเนอร์ส ควักจ่ายไปแล้วร่วม 120 ล้านปอนด์แลกกับการดึง กาเบรียล เชซุส ,ฟาบิโอ วิเอร่า , โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้,แม็ตต์ เทอร์เนอร์ และ มาร์กินญอส มาร่วมทัพ
และจากข้อมูลของ transfermarkt มีอยู่สามครั้งในระยะหลังที่ทีม ปืนใหญ่ ลงทุนช็อปปิ้งมากกว่า 100 ล้านปอนด์ซึ่งเราจะไปดูกันว่าพวกเขาประสบความสำเร็จมากแค่ไหนเมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่ทุ่มลงไป
-ซีซั่น 2016/17
อาร์เซน่อล คว้าอันดับรองแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในซีซั่น 2015/16 ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดในลีกของพวกเขานับตั้งแต่ซีซั่น 2004/05
และด้วยเหตุที่ทีมยักษ์ใหญ่อย่าง เชลซี , แมนฯ ซิตี้ และ แมนฯ ยูไนเต็ด ล้วนเปลี่ยนตัวกุนซือคนใหม่ในคราวเดียวกัน ทีมเมืองกรุงจึงไม่คิดอยู่เฉย
ฉะนั้นแล้ว อาร์แซน เวนเกอร์ จึงได้รับงบ 100 ล้านปอนด์ให้จ่ายตลอดในช่วงซัมเมอร์ปี 2016 โดยมี กรานิต ชาค่า กับ ชโคดราน มุสตาฟี่ เป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สโมสรคว้าเข้ามา
ขณะเดียวกัน หลังไม่อาจดึง เจมี่ วาร์ดี้ มาจาก เลสเตอร์ ได้ อาร์เซน่อล จึงหันไปฉุด ลูคัส เปเรซ มาจาก เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า ในราคา 18 ล้านปอนด์
พร้อมกันนี้ ผู้จัดการทีมชาวเมืองน้ำหอมเซ็นสัญญากับ ร็อบ โฮลดิ้ง และ ทาคูมะ อาซาโนะ เช่นกันซึ่งรวมแล้วสโมสรใช้เงินไปทั้งสิ้น 101.7 ล้านปอนด์
“มันเป็นซีซั่นที่น่าตื่นเต้น หากคุณต้องการคนที่มีคุณภาพ คุณก็ต้องจ่ายหนัก” เวนเกอร์ เอ่ยเมื่อเดือนส.ค.2016
แม้จะพ่าย ลิเวอร์พูล คารัง 4-3 ในเกมเปิดซีซั่น แต่ อาร์เซน่อล ออกตัวได้ไม่เลว และรั้งตำแหน่งจ่าฝูงหลังผ่านไป 15 นัด แถมมีคะแนนเหนือ เปแอสเช ด้วยกับการนำฝูงในถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
อย่างไรก็ดี ฟอร์มของ เดอะ กันเนอร์ส ถดถอยลงในครึ่งหลังของซีซั่น และแพ้หกนัดจาก 16 นัดสุดท้ายของเกมลีกในซีซั่น 2016/17
ลงเอยแล้ว อาร์เซน่อล หลุดจากอันดับท็อปโฟร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ซีซั่น 1995/96 โดยจบอันดับห้า และส่งผลให้แฟนบอลเรียกร้องให้ เวนเกอร์ พ้นไปจากสโมสร
เท่านั้นไม่พอ พวกเขายังแพ้ บาเยิร์น อย่างน่าอายด้วยสกอร์รวม 10-2 ด้วยในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่พิชิต เชลซี ได้ 2-1 ในเกมชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ
– ซีซั่น 2019/20
อาร์เซน่อล เริ่มต้นศักราชใหม่หลังสิ้นสุดยุคของ เวนเกอร์ ด้วยการคว้าอันดับห้าในลีก และได้รองแชมป์ ยูโรปาลีก ซีซั่น 2018/19 กับการโดน เชลซี ถล่ม 4-1
ถึงอย่างนั้น บอร์ดทีม ปืนใหญ่ ยังให้ความไว้วางใจในตัว อูไน เอเมรี่ แถมเทเงินให้เขาใช้จ่ายสูงถึง 137.5 ล้านปอนด์เซ็นสัญญากับสตาร์ใหม่ในช่วงซัมเมอร์ปี 2019
ในจำนวนนี้ ทีมเมืองกรุงทำลายสถิติสโมสรด้วยการซิว นิโกล่าส์ เปเป้ มาร่วมทีมในราคา 72 ล้านปอนด์หลังเจ้าตัวมีผลงานที่ยอดเยี่ยมกับ ลีลล์
พร้อมกันนี้ อาร์เซน่อล ยังเล็งการณ์ไกลไปถึงอนาคตด้วยกับการเซ็นสัญญาดาวรุ่งฝีเท้าดีอย่าง วิลเลี่ยม ซาลีบา กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่
ไม่เพียงเท่านั้น เอเมรี่ ยังเสริมเกมรับเช่นกันด้วยการดึง คีแรน เทียร์นีย์ มาจาก เซลติก และ คว้า ดาวิด ลุยซ์ มาจาก เชลซี ในนาทีสุดท้ายก่อนพ้นเส้นตายปิดตลาด
ถึงอย่างนั้น อาร์เซน่อล กลับเริ่มซีซั่นได้อย่างย่ำแย่ชนะแค่สี่จาก 13 นัดแรกใน พรีเมียร์ลีก และรั้งอันดับ 8 ของตารางช่วงสิ้นเดือนพ.ย.
ขณะเดียวกัน พวกเขายังประสบกับปัญหาฉาวโฉ่อีกด้วยเมื่อ กรานิต ชาค่า ถูกริบปลอกแขนกัปตันทีมหลังมีปัญหาโต้คารมกับสาวก ปืนโต
กระทั่งหลังจากกุนซือสแปนิชโดนปลด เฟร็ดดี้ ลุงเบิร์ก ก็เข้ามารับงานแทนแบบขัดตาทัพก่อนที่ มิเกล อาร์เตต้า จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายใหญ่คนใหม่ในเดือนธ.ค.2020
อย่างไรก็ดี อาร์เตต้า ไม่อาจพลิกผันสถานการณ์ได้ในชั่วพริบตา และพวกเขาจบอันดับ 8 ของตารางซึ่งเป็นผลงานที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ซีซั่น 1994/95
ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะเป็นแชมป์กลุ่มถ้วย ยูโรปาลีก แต่ อาร์เซน่อล กระเด็นตกรอบ 32 ทีมด้วยการแพ้ โอลิมเปียกอส จากกฏประตูทีมเยือน
แต่สำหรับศึก เอฟเอคัพ อาร์เซน่อล ประสบความสำเร็จอีกหนจนได้ด้วยการเอาชนะ เชลซี คู่ปรับเก่าทีมร่วมเมืองด้วยสกอร์ 2-1
– ซีซั่น 2021/22
อาร์เซน่อล หนีไม่พ้นถูกโควิด-19 เล่นงานเช่นเดียวกับทุกสโมสร
แต่ด้วยพื้นฐานสถานภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง ทีม ปืนใหญ่ จึงฟื้นตัวได้ไว และใช้เงินจ่ายตลาดมากที่สุดในทวีปช่วงซัมเมอร์ปี 2021 กับการทุ่มเงินแบบไม่อั้น 149.04 ล้านปอนด์แลกกับหกนักเตะใหม่อันเป็นการจ่ายตลาดด้วยเม็ดเงินที่สูงที่สุดของสโมสรด้วย
เห็นได้ชัดว่า อาร์เตต้า หวังคว้าตัวนายทวาร และเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคนใหม่ จึงทำให้พวกเขาควักกระเป๋ารวมเป็นเงิน 77.85 ล้านปอนด์เซ็นสัญญากับ อาร่อน แรมสเดล และ เบน ไวท์
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังซื้อขาด มาร์ติน โอเดการ์ด ในราคา 31.5 ล้านปอนด์ด้วยหลังยืมมาใช้งานในครึ่งหลังของซีซั่น 2020/21
นอกจากนี้ นักเตะที่ย้ายสู่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ยังมีทั้ง อัลเบิร์ต แซมบี้ โลกองก้า เด็กปั้นของ อันเดอร์เลชท์ ซึ่งมีค่าตัว 15.75 ล้านปอนด์ และ นูโน่ ตาวาเรซ ตลอดจน ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ
แต่แล้วพวกเขากลับเริ่มซีซั่นได้อย่างเลวร้ายโดยไม่มีทั้งแต้มและประตูเลยจากการลงสนามสามนัดแรกของลีก
อย่างไรก็ดี บอร์ดของสโมสรยังสนับสนุน อาร์เตต้า และพวกเขาค่อยๆพลิกสถานการณ์ได้ดีขึ้นเป็นลำดับจนน่าจะซิวโควต้าฟุตบอล แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ แต่ก็มาโดน สเปอร์ส ปาดหน้าคว้าอันดับสี่ไปครอง
และต่างไปจากซีซั่น 2016/17 และ 2019/20 เนื่องจาก อาร์เซน่อล ไม่มีแชมป์ติดมือเลยหลังพ่ายต่อ ลิเวอร์พูล ในรอบตัดเชือกถ้วย ลีกคัพ และถูก ฟอเรสต์ เขี่ยตกรอบถ้วย เอฟเอคัพ