ไม่ได้แรงแค่ปาก! 5 เหตุผลที่ คอนเต้ อาจไม่ได้คุมทีมชั้นนำหลังแยกทาง สเปอร์ส

กุนซือชาวอิตาเลียน สร้างรอยร้าวขนาดใหญ่ภายในทัพ “ไก่เดือยทอง” จากการให้สัมภาษณ์ตำหนิลูกทีมอย่างรุนแรง หลังจบเกมที่เสมอ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-3 ทั้งๆ ที่ทีมของเขามีสกอร์นำ “นักบุญ” 3-1 แท้ๆ 

สำหรับประเด็นในเรื่องนี้นำไปสู่ความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อผู้เล่นสเปอร์ส และมีรายงานออกมาตลอดว่าพวกเขาไม่ต้องการร่วมงานกับ อดีตนายใหญ่ อินเตอร์ มิลาน และ ยูเวนตุส อีกต่อไป

ในที่สุดหลังจากที่บอร์ดบริหารได้เคลียร์เรื่องต่างๆ อย่างเปิดอกกับ คอนเต้ เรียบร้อยแล้ว ทำให้ได้บทสรุปว่าพวกเขาคงไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อีกต่อไป และนำไปสู่การยุติสัญญากันอย่างเป็นทางการ

แน่นอนว่าด้วยประสบการณ์และความสำเร็จคงไม่ใช่เรื่องยากที่ คอนเต้ จะหางานใหม่ แต่ด้วยพฤติกรรมและความต้องการของเขา อาจจะเป็นปัญหาทำให้ทีมชั้นนำในยุโรปต้องครุ่นคิดอย่างรอบคอบ เนื่องจากการได้เข้ามาร่วมทัพมันอาจมีทั้งดีและร้าย

ฉะนั้นจากการวิเคราะห์แล้วมี 5 เหตุผลสำคัญที่ทำให้ กุนซือชาวเมืองพาสต้า ต้องพบกับความยากลำบากในการหางานใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะงานกับทีมยักษ์ใหญ่บนแผ่นดินยุโรป

1. ตรงไปตรงมาในงานแถลงข่าว

การเป็นคนตรงและซื่อสัตย์เป็นเรื่องดี แต่สำหรับ อันโตนิโอ คอนเต้ ดูเหมือนเขาจะเป็นคนที่ตรงเกินไปจนไม่รู้จักระงับความรู้สึก และไม่กลัวที่จะพูดคำหยาบคายใส่ใครก็ได้แม้แต่ลูกทีมตัวเอง ! 

นายใหญ่ชาวอิตาเลียน ขึ้นชื่อลือชาเรื่องการแสดงความเห็นอย่างรุนแรงใส่ลูกทีมและบอร์ดบริหารที่เขาเคยกุมบังเหียนมาแล้วหลายครั้งหลายหน จนทำเอาภายในทีมต้องเกิดรอยร้าวจนยากจะประสาน

คอนเต้ เคยอำลา บารี่, ยูเวนตุส, เชลซี, อินเตอร์ มิลาน และอีกหลายทีมในช่วงที่ผ่านมา ส่วน สเปอร์ส คือทีมล่าสุดที่โดนพิษผรุสวาทในงานแถลงข่าวจนกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เขาว่างงานในตอนนี้  

2. ผลงานบนเวทียุโรปไม่ค่อยดี

แม้ว่า คอนเต้ จะประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ลีกสูงสุด 5 ครั้งร่วมกับ ยูเวนตุส (กัลโช่ เซเรีย อา 3 สมัย), เชลซี (พรีเมียร์ลีก 1 สมัย)  และ อินเตอร์ มิลาน (กัลโช่ เซเรีย อา 1 สมัย) แต่สถิติในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก น่าผิดหวังสุดๆ 

ครั้งสุดท้ายที่ นายใหญ่เลือดพาสต้า นำทีมคว้าชัยชนะในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก เกิดขึ้นในรอบน็อกเอาต์เมื่อปี 2013 เมื่อเขานำทัพ “ม้าลาย” ทะลุเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกถ้วยใบโตยุโรป 

ขณะเดียวกัน คอนเต้ เคยพา อินเตอร์ มิลาน ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก เมื่อฤดูกาล 2019/2020 แต่สุดท้ายโดน เซบีย่า เจ้าพ่อบอลถ้วยรายการนี้เฉือนชนะ 2-3 

3. เน้นเสริมทัพมากกว่าปั้นนักเตะ

สิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องเด่นของ คอนเต้ ก็คือการที่เขาให้ความสำคัญกับเรื่องการเสริมทัพในตลาดซื้อขายนักเตะตอนซัมเมอร์ และเดือนมกราคม นั่นทำให้เขามักจะมีปัญหากับบอร์ดบริหารสโมสรต่างๆ ที่เคยร่วมงานด้วย

“สกาย สปอร์ตส์” สื่อดังในอังกฤษ รายงานว่า คอนเต้ ใช้เงินเสริมทัพไปถึง 192 ล้านปอนด์ (ราว 8,064 ล้านบาท) ในช่วงระยะเวลา 14 เดือนที่ทำงานในถิ่นท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม 

เม็ดเงินจำนวนดังกล่าวถือว่าสูงที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์การเสริมทัพภายในตลาดซื้อขายนักเตะเดียวของสโมสร  ฉะนั้น คอนเต้ ไม่ใช่คนที่จะเข้ามาบริหารจัดการทีมในช่วงเปลี่ยนผ่าน หรือทีมที่ไม่มีเงินให้ชอปปิ้ง 

4. ค่าเหนื่อยแพงระยับ

เป็นเรื่องธรรมดาที่โค้ชมีดีกรีโดยเฉพาะคนที่เคยประสบความสำเร็จย่อมที่จะได้รับค่าจ้างสูงมาก แต่ในกรณีของ นายใหญ่ชาวอิตาเลียน ต้องบอกเลยว่าเขาได้รับค่าตอบแทนสูงลิบจริงๆ

ก่อนหน้านี้ “อีฟนิ่ง สแตนดาร์ด” สื่อดังในอังกฤษ รายงานว่า คอนเต้ ได้รับค่าตอบแทนจำนวน 15 ล้านปอนด์ (ราว 630 ล้านบาท) ต่อปีกับ สเปอร์ส ซึ่งต้องบอกว่าสูงมากเมื่อเทียบกับผลงานของเขากับสโมสร !

สำหรับค่าแรงของ คอนเต้ ถือว่าสูงเป็นอันดับ 3 ในลีกเมืองผู้ดีเป็นรองแค่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือชาวสแปนิชของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ลิเวอร์พูล แต่ความสำเร็จต่างกันราวฟ้ากับเหว 

5. อยู่ที่ไหนได้ไม่นาน

การทำงานของ คอนเต้ ได้รับการยกย่องว่าเฉียบขาด และเด็ดเดี่ยว โดยเขาแสดงให้เห็นมาแล้วกับทุกๆ ทีมที่เคยร่วมงาน โดยเฉพาะกับสโมสรชั้นนำในอิตาลี แต่สิ่งหนึ่งที่มักจะเป็นข้อเสียของเจ้าตัวก็คือการที่ไม่ชอบทำงานต่างแดนนานๆ

ตำนานกองกลาง ยูเวนตุส และทีมชาติอิตาลี มักจะมีปัญหาเรื่องอาการ “โฮมซิก” หรือ “โรคคิดถึงบ้าน” ในช่วงระหว่างที่เขาทำงานให้กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี 

ฉะนั้นหากบรรดาทีมชั้นนำต่างแดนสนใจอยากได้ คอนเต้ ไปทำงาน คงต้องคิดหนักในกรณีนี้เช่นกัน เพราะอยู่ดีๆ เจ้าตัวเกิดอาการโฮมซิก และเก็บเสื้อผ้าหนีกลับบ้านเฉยเลยก็ได้