ตลาดซื้อ-ขายนักเตะช่วงหน้าหนาวปิดตัวแล้ว เมื่อวันอังคารที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา โดยสโมสรในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ใช้เงินเสริมทัพไปรวมมากกว่า 215 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1.03 หมื่นล้านบาท) ซึ่งถือเป็นการใช้เงินสูงสุดอันดับ 2 ในช่วงตลาดนักเตะเดือนมกราคม
ขณะที่การทุ่มเงินก้อนโตดึงแข้งใหม่ทำโดย เซาธ์แฮมป์ตัน, เบิร์นลี่ย์ และทีมในโซนตกชั้นอย่าง คริสตัล พาเลซ และ ฮัลล์ ซิตี้ การย้ายจาก วัตฟอร์ด ไปซบ ฉางชุน หย่าไถ ในลีกจีน ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ (ประมาณ 960 ล้านบาท) เป็นการย้ายด้วยวงเงินแพงสุดในช่วงวันสุดท้ายของตลาดนักเตะที่แสนเงียบกริบ และไร้การย้ายทีมที่หวือหวาจากบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ ขณะที่ “นักบุญ” ทุบสถิตินักเตะค่าตัวแพงสุดของสโมสร ด้วยการทุ่ม 17.1 ล้านปอนด์ (820.8 ล้านบาท) กระชาก มาโนโล่ กับเบียดินี่ กองหน้า นาโปลี มาเสริมแนวรุก
ด้าน เบิร์นลี่ย์ ทุบสถิตินักเตะค่าตัวแพงสุดของสโมสรเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 6 เดือน ด้วยการดึง ร็อบบี้ เบรดี้ กองกลางทีมชาติไอร์แลนด์ มาจาก นอริช ซิตี้ ด้วยค่าตัวที่อาจขึ้นถึง 13 ล้านปอนด์ (ประมาณ 624 ล้านบาท) รวมถึงจ่าย 5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 240 ล้านบาท) ดึง แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด มิดฟิลด์ มาจาก แอสตัน วิลล่า อีกด้วย
ขณะที่ “ดิ อีเกิ้ลส์” คว้า มามาดู ซาโก้ กองหลังชาวฝรั่งเศส มาจาก ลิเวอร์พูล ด้วยสัญญายืมตัว โดยยอมจ่ายค่ายืมเป็นเงิน 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 96 ล้านบาท) แทนการทุ่ม 20 ล้านปอนด์ (ประมาณ 960 ล้านบาท) เพื่อดึงตัวร่วมทัพแบบถาวร นอกจากนั้นยังดึง ลูก้า มิลิโวเยวิช กองกลางทีมชาติเซอร์เบีย มาจาก โอลิมเปียกอส ด้วยค่าตัว 11 ล้านปอนด์ (ประมาณ 528 ล้านบาท) และพยายามเจรจาคว้า อารูน่า โคเน่ ดาวยิงสำรอง เอฟเวอร์ตัน มาร่วมทัพในวันสุดท้ายด้วย
ส่วน “เดอะ ไทเกอร์ส” เซ็นแข้งใหม่มาเสริมทัพ 3 รายในวันสุดท้าย โดยดึง อัลเฟร็ด เอ็นเดียเย่ มิดฟิลด์ทีมชาติเซเนกัล มาจาก บียาร์เรอัล ด้วยสัญญายืมตัว, คามิล โกรซิคกี้ ปีกทีมชาติโปแลนด์ มาจาก แรนส์ ด้วยค่าตัวราว 9 ล้านปอนด์ (ราว 432 ล้านบาท) และ อันเดรีย ราน็อคเคีย ปราการหลัง อินเตอร์ มิลาน ด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาลนี้
