“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เตรียมจัดทัพเต็มอัตราศึกโดยจะส่ง เซร์คิโอ อเกวโร่ นำปิดสกอร์ เกมรับการมาเยือนของ โมนาโก ที่มี ราดาเมล ฟัลเกา พร้อมลั่นไก ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก) เมื่อคืนวันอังคารที่ 21 ก.พ. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : บีอิน สปอร์ตส์ 1, เวลา : 02.45 น.
สนาม : ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยม (แมนเชสเตอร์, อังกฤษ)
ทั้งสองทีมผ่านเข้ามาเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้ารองแชมป์กลุ่มซี. ขณะที่ โมนาโก ได้แชมป์กลุ่มอี.
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อุตส่าห์กลับมาสู่ฟอร์มที่ดีอีกครั้ง หลังชนะเกมลีก 3 นัดติดต่อกัน แต่ใน เอฟเอ คัพ รอบ 5 ทำได้แค่บุกเสมอ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทีมจากแชมเปี้ยนชิพ 0-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ส่วน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เรือใบสีฟ้า จบอันดับ 2 กลุ่มซี ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ชาวสเปน ต้องขาด กาเบรียล เชซุส กองหน้าบราซิลตัวใหม่ ที่ซัลโวไปแล้ว 3 ประตู นับตั้งแต่เข้ามาร่วมทีมเมื่อเดือนมกราคม เกิดกระดูกเท้าแตก คาดว่าต้องพักยาว 3 เดือน
ก่อนหน้านี้ อิลคาย กุนโดกัน กองกลางเยอรมันที่ผ่าตัดเข่า พักยาวทั้งฤดูกาลนี้ไปก่อนแล้ว ขณะที่ แว็งซ็องต์ ก็องปานี กัปตันทีม เจ็บซ้ำก่อนเกมบอลถ้วยและ กวาร์ดิโอล่า ยืนยันว่าไม่พร้อมแน่นอนแต่จะคัมแบ็กในเกมนัดรีเพลย์กับ ฮัดเดอร์สฟิลด์
ฃ แต่ข่าวดี แฟร์นันดินโญ่ กองกลางตัวรับ พ้นโทษแบน 1 นัดกลับมาแล้ว ส่วนที่คาดโทษมีคนเดียวคือ ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกตัวจี๊ด ขณะที่ กาแอล กลิชี่ บาดเจ็บหลัง แต่น่าจะพร้อมเป็นตัวเลือกในเกมนี้
เป๊ป ปรับทีมด้วยการพักตัวหลักหลายตำแหน่งในเกมเยือนฮัดเดอร์สฟิลด์ และจะเรียกทีมชุดใหญ่กลับมาลงสนามในเกมสำคัญวันอังคารนี้
ผู้รักษาประตูเลือก วิลลี่ กาบาเยโร่ ลงเฝ้าเสา หลังเบียด เคลาดิโอ บราโว่ ลงเล่นเกมลีกมา 3 นัดหลัง
แผงหลัง บาการี่ ซาญ่า ผนึกกำลัง จอห์น สโตนส์, นิโกลัส โอตาเมนดี้, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ
แดนกลาง แฟร์นันดินโญ่ คุมเกมกับ ยาย่า ตูเร่ แนวรุก ราฮีม สเตอร์ลิง, เควิน เดอ บรอยน์, ดาบิด ซิลบา และหน้าเป้า เซร์คิโอ อเกวโร่
เลโอนาร์โด้ ชาร์ดิม เทรนเนอร์ชาวโปรตุกีสวัย 42 ปีของโมนาโก นำทีมไม่แพ้ 12 เกมติดต่อกัน อีกทั้งทีมยิงไปแล้ว 108 ประตู จากการลงสนาม 41 นัด ทุกรายการในฤดูกาลนี้
ส่วน ชาร์ดิม คุมทีมไปแล้ว 102 นัดในลีก เอิง หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นเทรนเนอร์ โมนาโก เมื่อเดือนมิถุนายน 2014 และ เขาคุมทีมโมนาโก 147 นัดในทุกรายการ
ผลงานล่าสุด โมนาโก เสมอนัดเยือน บาสเตีย 1-1 ที่ สต๊าด อาร์กม็องด์-เซซารี่ เกาะคอร์ซิก้า ในลีก เอิง ฝรั่งเศส นัดที่ 26 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นศึกดาร์บี้แมตช์แดนใต้แห่งเมดิเตอร์เรเนียน
เวลานี้ โมนาโก รั้งจ่าฝูงลีก เอิง มี 59 คะแนน จากการลงสนาม 26 นัด มีแต้มมากกว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ นีซ สองคู่แข่งลุ้นแชมป์ลีก 3 คะแนน
สำหรับนัดนี้ทีมขาด เชแมร์ซอน เซนเตอร์แบ็กบราซิลวัย 24 ปี ติดโทษแบน 1 นัด โดยอัตโนมัติ หลังจากสะสมใบเหลืองครบตามโควตา
ส่วน กาเบรียล บอสชิเลีย ปีกซ้ายบราซิลวัย 20 ปี บาดเจ็บหนักที่เอ็นหัวเข่าขวา ต้องเข้ารับการผ่าตัด และเขาจะพักแข้งนาน 6 เดือน
อีกทั้ง ปิแอร์ เอ็นแก็งด้า กองหลังวัย 20 ปี บาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาขวา
ชาร์ดิม เลือกผู้เล่น 21 คน เดินทางไปที่แมนเชสเตอร์ พร้อมได้ กีโด้ คาร์รีโญ่ กองหน้าอาร์เจนติน่าหายเจ็บโคนขาหนีบขวา, อันเดรีย ร้าจจี้ กองหลังอิตาลีหายเจ็บ
และ “จอร์จ” แบ็กซ้ายทีมชาติบราซิลวัย 20 ปี ที่ย้ายมาจาก ฟลาเมงโก้ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ในราคาค่าตัว 8.5 ล้านยูโร มีชื่ออยู่ในกลุ่ม
นัดนี้ เขาจะใช้แผนการเล่นระบบ 4-4-2 อันเดรีย ร้าจจี้ จะเล่นเซนเตอร์แบ็กแทน เชแมร์ซอน ที่ติดโทษแบน และกองหน้านำโดย วาแลร์ แชร์กแมง กับ ราดาเมล ฟัลเกา กัปตันทีม
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
แมนฯ ซิตี้ : วิลลี่ กาบาเยโร่ – บาการี่ ซาญ่า, จอห์น สโตนส์, นิโกลัส โอตาเมนดี้, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ – แฟร์นันดินโญ่, ยาย่า ตูเร่ – ราฮีม สเตอร์ลิง, เควิน เดอ บรอยน์, ดาบิด ซิลบา – เซร์คิโอ อเกวโร่
โมนาโก : ดานิเยล ซูบาซิช – ฌิบริล ซิดิเบ้, คามิล กลิค, อันเดรีย ร้าจจี้, เบนฌาแม็ง เมนดี้ – แบร์นาร์โด้ ซิลวา, ฟาบินโญ่, ติเอมูเอ้ บากาโยโก้, โตมาส์ เลอมาร์ – วาแลร์ แชร์กแมง, ราดาเมล ฟัลเกา (กัปตันทีม)
ผู้ตัดสิน : อันโตนิโอ มาเตว ลาโอซ (สเปน)
ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
– นี่เป็นการเจอกันในเกมอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างแมนฯ ซิตี้กับโมนาโก
– แมนฯ ซิตี้ ไม่เคยแพ้ต่อคู่แข่งจากฝรั่งเศสในถ้วยยุโรป (ชนะ 1 เสมอ 2) โดยทั้งหมดเป็นการพบปารีส แซงต์-แชร์กแมง
– ขณะเดียวกัน โมนาโก เป็นฝ่ายเข้ารอบตลอด 3 ครั้งที่พบสโมสรอังกฤษในรอบน็อกเอาต์ ชปล. (พบแมนฯ ยูไนเต็ด 1997-98, เชลซี 2003-04, อาร์เซน่อล 2014-15)
– ความจริงแล้ว โมนาโกแพ้แค่ครั้งเดียวจาก 5 เกมชปล.ที่เยือนสโมสรอังกฤษ (ชนะ 2 เสมอ 2) โดยชนะใน 2 เกมหลัง (เหนืออาร์เซน่อล กุมภาพันธ์ 2015 และเหนือสเปอร์ส กันยายน 2016)
– แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์กลุ่ม ชปล. แค่ครั้งเดียวจาก 6 ครั้งที่เข้าร่วมแข่งขัน (ฤดูกาล 2015-16) และเป็นครั้งแรกที่ เป็ป กวาร์ดิโอล่า ไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์กลุ่ม ชปล. ได้นับตั้งแต่เป็นผู้จัดการทีม
– โมนาโกคว้าแชมป์กลุ่มตลอด 4 ครั้งที่เล่นชปล. นับตั้งแต่ปรับรูปแบบใหม่ (2003-04, 2004-05, 2014-15, 2016-17)
– แมนฯ ซิตี้ไม่แพ้ใน 8 เกมชปล. หลังสุดในบ้าน (ชนะ 5 เสมอ 3) โดยเสียแค่ 5 ประตูในช่วงดังกล่าว เป็นผลงานไม่แพ้ที่เอติฮัดนานที่สุดในชปล.
– อย่างไรก็ตาม แมนฯ ซิตี้ ชนะแค่นัดเดียวจาก 5 เกมในบ้าน รอบน็อกเอาต์ ชปล. (เสมอ 2 แพ้ 2) จากเกมกับเปแอสเช เมื่อเมษายนฤดูกาลที่แล้ว
– โมนาโกแพ้ 5 จาก 7 เกมหลังสุด รอบน็อกเอาต์ ชปล. (ชนะ 1 เสมอ 1) โดยชัยชนะนัดเดียวในช่วงดังกล่าว เกิดขึ้นที่ลอนดอน เกมกับอาร์เซน่อล (3-1 เมื่อกุมภาพันธ์ 2015)
– แมนฯ ซิตี้และโมนาโกต่างทำคลีนชีตได้แค่ครั้งเดียว ในชปล. ฤดูกาลนี้ มีเพียง เรอัล มาดริด ที่ทำได้น้อยกว่า (0) ในบรรดาสโมสรที่ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย (นาโปลีและเปแอสเช ทีมละ 1 ครั้งเช่นกัน)
– เซร์คิโอ อเกวโร่ “กุน” ยิงได้แค่นัดเดียวจาก 6 เกมชปล.หลังสุด ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม (แฮตทริกกับมึนเช่นกลัดบัค) และยิงไม่ได้ตลอด 522 นาทีหลังสุดในชปล. รอบน็อกเอาต์
– แม้เป็นตัวจริงแค่ 10 ครั้งในชปล. แต่ ราดาเมล ฟัลเกา ทำได้ถึง 6 ประตูและ 1 แอสซิสต์