การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบ 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย กลุ่ม B นัดที่ 7 วันที่ 28 มีนาคม “ช้างศึก” ทีมชาติไทย บุกเยือน “ซามูไร” ญี่ปุ่น ที่สังเวียนไซตามะ สเตเดี้ยม เวลาไทย 17.35 น. ช่อง 7 สี และฟอกซ์ สปอร์ต HD (ทรูวิชันส์ 680) ถ่ายทอดสด
สำหรับสถานการณ์ ล่าสุด ไทย มีเพียงแต้มเดียว อยู่บ๊วย โอกาสติดอย่างน้อยอันดับ 3 ของกลุ่ม เพื่อลุ้นเข้ารอบมีน้อยมาก ส่วน ญี่ปุ่น มี 13 แต้ม อันดับ 2 ขณะที่อีก 2 คู่วันเดียวกัน ออสเตรเลีย(10 แต้ม) พบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(9 แต้ม) และ ซาอุดิอาระเบีย(13 แต้ม)พบ อิรัก(4แต้ม)
ความเคลื่อนไหวล่าสุด ทีมไทยปักหลักซ้อมที่ญี่ปุ่น วันที่ 2 โดยเมื่อ 26 มี.ค. ช่วงเช้า “โค้ชซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย นำลูกทีมลงฝึกซ้อมอย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 ที่สนามแน็คไฟว์ เมืองไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น โดย นูรูล ศรียานเก็ม ที่เดินทางตามมาสมทบตั้งแต่เมื่อคืนก่อนก็ได้ลงฝึกซ้อมกับทีมด้วย ซึ่ง ซิโก้เน้นในเรื่องแท็คติก ทั้งเกมรุก-เกมรับ รวมถึงวางระบบการเล่น ท่ามกลางอุณหภูมิหนาวเย็น และสายฝนที่โปรยปรายเล็กน้อย โดยให้สื่อมวลชนเก็บภาพได้เพียง 15 นาที และใช้เวลาซ้อมทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง
หลังการฝึกซ้อม โค้ชซิโก้ กล่าวว่า นักเตะปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ วันนี้มีทั้งฝนและลม อุณหภูมิหนาวเย็นแต่ทุกคนก็มีความุม่งมั่น วันนี้ไทยได้ผ่านเข้ามาเจอญี่ปุ่น ที่เล่นฟุตบอลโลกหลายครั้ง ดังนั้น เป็นประสบการณ์ที่ดีของนักเตะ การเจอกับทีมระดับเอเชีย ต้องปรับตัวให้เร็ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแทคติกและสภาพอากาศ
“การเจอญี่ปุ่นไม่ใช่งานง่าย แต่วันนี้เราไม่มีอะไรจะเสีย เราคิดว่าถ้าเราแพ้ เราจะแพ้แบบไหน แพ้หมดรูป แพ้แบบสู้ไม่ได้ หรือแพ้แบบไม่อยากจะสู้ แต่ถ้าเรามีแต้มได้ จะเป็นประวัติศาสตร์ หรือถ้าได้ 3 แต้ม มันก็ยิ่งใหญ่ ดังนั้นทุกคนก็รู้ว่าต้องทำภารกิจให้สำเร็จให้ได้”
“2 วันมานี้ก็ทุกคนตั้งใจซ้อมดี ฉะนั้นเขาไม่สนใจหรอกว่าผลจะเป็นอย่างไร แต่เขาสนใจว่าลงไปแล้วจะร้อยเปอร์เซนต์หรือไม่” โค้ชทีมชาติไทย กล่าว
สถิติไทย-ญี่ปุ่น ตามที่ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า) บันทึกไว้ เคยเจอกัน 18 ครั้ง ซามูไร ชนะ 14, เสมอ 3 และ ไทย ชนะหนเดียว ตั้งแต่ปี 1997 หรือ 20 ปีที่แล้ว ที่กรุงเทพ ส่วนการพบกันนัดแรก ที่ราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อเดือนก.ย. ปีที่แล้ว ญี่ปุ่น บุกมาชนะ 2-0