ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แม็ตช์เดย์ที่ 11 ผ่านไปเรียบร้อยก่อนจะปรับโหมดสู่โปรแกรมทีมชาติ ทีมงาน Siamsport ได้เลือก 11 นักเตะผลงานเจ๋งมาให้ได้ติดตามกัน มีใครติดทีมกันบ้าง…
เบิร์นลีย์ โดนเจ้าถิ่น เซาธ์แฮมป์ตัน บุกใส่เกือบทั้งเกม แต่จังหวะเซฟสามช็อตเน้นๆของ โป๊ป ทำให้ทีมยังมีลมหายใจอยู่ในเกมต่อก่อน แซม โว้กส์ จะทำแสบยิงประตูชัยให้ “เดอะ คลาเร็ตส์” บุกชนะทีมดังจากแดนใต้ 1-0
แบ๊กขวา : ไซม่อน ฟรานซิส (เอเอฟซี บอร์นมัธ)
แบ๊กวัยดึก เด่นเหลือเกินโดยเฉพาะลูกกลางอากาศ สถิติเผย ฟรานซิส เข้าปะทะสำเร็จ 4 จาก 5 ครั้ง, เคลียร์บอลอันตราย 3 ครั้ง, ตัดบอล 2 ครั้ง, ชนะการดวลลูกกลางอากาศ 16 และป้องกันได้ 10 ครั้ง ช่วยให้ บอร์นมัธ เก็บคลีนชีตได้จากเกมบุกเชือด นิวคาสเซิ่ล 1-0
เซนเตอร์ฮาล์ฟ : เชน ดัฟฟี่ (ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน)
ปราการหลังเลือดไอริช โชว์ฟอร์มสุดแกร่ง คุ้มกันหลังบ้านทีมนกนางนวลได้ยอดเยี่ยม ดัฟฟี่ เคลียร์บอลอันตราย 10 ครั้ง, ตัดบอล 2 ครั้ง, ชนะดวลลูกโด่ง 7 และป้องกันได้ 9 ครั้ง มีส่วนช่วยให้ ไบร์ทตัน ไม่เสียประตูในการบุกเฉือนชนะ สวอนซี 1-0
เซนเตอร์ฮาล์ฟ : แยน แฟร์ต็องเก้น (ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์)
แม้จะโดนผู้มาเยือนอย่าง คริสตัล พาเลซ ถาโถบุกใส่สร้างความหวาดเสียวแต่ “ซูเปอร์แยน” เล่นได้แน่นปึ๊ก เข้าปะทะสำเร็จ 4 จาก 5 ครั้ง, เคลียร์บอลอันตราย 7 ครั้ง, ตัดบอล 3 ครั้ง, ชนะดวลลูกกลางอากาศ 4 และป้องกัน 5 ครั้ง มีส่วนให้คลับไก่ไม่เสียประตู และเก็บชัยเหนือ ปราสาทเรือนแก้ว ได้สำเร็จ
แบ๊กซ้าย : เลห์ตัน เบนส์ (เอฟเวอร์ตัน)
เป็นวันปลดแอกจากความย่ำแย่ของทีมทอฟฟี่จริงๆ เอาเข้าจริงก็เกือบพังอีกแล้วหลังโดน วัตฟอร์ด นำไปก่อน 2-0 แต่ขุนพลโรงงานลูกอมสู้ไม่ถอยจนพลิกกลับมาชนะ 3-2 ได้สำเร็จ โดยเกมนี้ แบ๊กซ้ายจอมบุก มีส่วนทำให้เกมเกิดผลแพ้ชนะ เบนส์ เปิดมุมให้ โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน พังประตูตีเสมอ 2-2 ก่อนจะเป็นเจ้าตัวโชว์ความนิ่งและเฉียบขาดซัดลูกจุดโทษชี้ชะตาให้ เอฟเวอร์ตัน เก็บสามแต้มไปแบบสุดระทึก
กองกลาง : เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (เชลซี)
No KANTE No Party! ก็องเต้ กลับมากู้วิกฤติแดนกลางได้ทันเวลา เห็นได้ชัดเลยว่าเวลามีมิดฟิลด์ตัวตัดเกมรายนี้อยู่ในสนาม ทุกภาคส่วนเล่นกันได้อุ่นใจมากกว่าเดิม เชส ฟาเบรกาส มีอิสระในการทำเกมบุกเต็มที่, ติมูเอ้ บากาโยโก้ เติมขึ้นหน้าได้แบบไม่ต้องพะวงหลัง และแนวรับเล่นกันได้แบบไม่กดดันมากเท่าไหร่หากมี ก็องเต้ ยืนปัดกวาดให้ สถิติเข้าปะทะสำเร็จ 3 จาก 5 ครั้ง, เคลียร์บอลอันตราย 2 ครั้ง, ตัดบอล 2 ครั้ง และผ่านบอลสำเร็จ 90% มากกว่าเพื่อนร่วมทีมทุกคน มีส่วนสำคัญสุดๆกับสามแต้มที่สิงห์บลูส์มีชัยเหนือปีศาจแดง
กองกลาง : แฟร์นานดินโญ่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
ตัวรับเลือดกาแฟผลงานดีต่อเนื่อง แฟร์นานดินโญ่ เข้าปะทะสำเร็จ 6 จาก 7 ครั้ง, เคลียร์บอลอันตราย 5 ครั้ง, ป้องกันลูกโด่ง 3 ครั้ง, เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จ 2 ครั้ง, ผ่านบอลสำเร็จ 89% และจะว่าไปเจ้าตัวก็มีส่วนกับทั้งสามประตูที่ทีมได้ ลูกแรกแอสซิสต์ให้ เควิน เดอ บรอยน์ ซัดไกล, ลูกสองหยอดให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง หลุดเข้าไปทำให้ทีมได้จุดโทษ และลูกสามไหลบอลให้ ดาบิด ซิลบา หลุดกับดักล้ำหน้าก่อนจ่ายให้ กาเบรียล เชซุส ยิงง่ายๆเข้าไป
กองกลาง : เควิน เดอ บรอยน์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
แม้เกมนี้ลูกแอสซิสต์จะไม่ทำงาน แต่ผลงานโดยรวม เดอ บรอยน์ ยังยอดเยี่ยมเหมือนเคย ทั้งเกมรุก-รับ ทำได้อย่างดี เข้าปะทะสำเร็จ 5 จาก 7 ครั้ง, ตัดบอล 3 ครั้ง, เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จ 5 ครั้ง, ผ่านบอลสำเร็จ 73%, คีย์พาส 2 ครั้ง, โอกาสยิงตรงกรอบ 2 ครั้งเป็น 1 ประตูสุดเนียนกริบให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดรังทุบ อาร์เซนอล 3-1
กองกลาง : ซาดิโอ มาเน่ (ลิเวอร์พูล)
กลับมาลงสนามช่วยทัพหงส์แดงได้แบบเร็วเกินคาด และการมี มาเน่ อยู่ในสนามทำให้เกมรุกของ ลิเวอร์พูล กลับมาน่ากลัวอีกครั้ง และการคัมแบ๊กครั้งนี้ก็จัดไปสองแอสซิสต์ในการบุกถล่มขุนค้อน
กองหน้า : อัลบาโร่ โมราต้า (เชลซี)
เรื่องโขกไว้ใจผม! โมราต้า มีโอกาสจบสกอร์ไม่เยอะเพียง 3 ครั้ง แต่หนึ่งในสามนั้นมาจากลูกโหม่งสุดเพอร์เฟคบริเวณเขต 12 หลาเสียบเสาไกลให้ เชลซี เปิดถิ่นเชือด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 แถมเจ้าตัวน่าจะบวกสกอร์เพิ่มจากจังหวะสวนกลับหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษช่วงท้ายเกม แต่ดันไปยึกยักคิดมากจนโดน อันโตนิโอ วาเลนเซีย เข้ามาปะทะ พลาดโอกาสทองอย่างน่าเขกกระโหลก
กองหน้า : โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล)
กลายเป็น “เดอะแบก” ในเรื่องการส่งบอลสู่ก้นตาข่ายของลิเวอร์พูลไปแล้ว ซาล่าห์ พังประตูได้ต่อเนื่อง โดยนัดนี้กดไป 2 ประตูให้ทีมบุกถล่ม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 4-1 ขึ้นมาเกาะกลุ่มรองดาวซัลโวแบบเงียบๆที่ 7 ประตู