7 ประเด็นร้อนหลังเกม”เชลซี-บาร์ซ่า” ศึกชปล. ยกแรก ที่เดอะ บริดจ์

เกือบจะเป็นค่ำคืนที่สุดวิเศษของเชลซี แต่สุดท้ายบาร์เซโลน่า ฉกฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของผู้เล่นสิงห์บลูส์ มายิงตีเสมอได้สำเร็จ หลังเกมคู่นี้มีอะไรให้พูดถึงหลายประเด็น ซึ่งเราได้รวบรวมมาได้ดังนี้

1. เชลซี ไม่แพ้บาร์เซโลน่า 8 นัดซ้อน

    ก่อนหน้านี้พลพรรคสิงโตน้ำเงินคราม ไม่แพ้เจ้าบุญทุ่ม 7 นัดจากการพบกันในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก(ชนะ2 เสมอ5) และยังคงยืดสถิตินี้ต่อไปเป็นเกมที่ 8

    อย่างไรก็ตามในเกมหน้าที่คัมป์ นู หากเชลซี จะเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย พวกเขาจำเป็นต้องไม่แพ้หรืออย่างแย่ที่สุดคือเอาผลเสมอแบบมีสกอร์กลับออกมาให้ได้

2. ประตูทีมเยือนของบาร์เซโลน่า

    แม้บาร์ซ่าจะยังไม่แพ้ใครกับการเล่นเกมเยือนในถ้วยใบนี้ แต่พวกเขามักมีปัญหาการทำประตูเมื่อออกไปเล่นยามเป็นทีมเยือน

    เกมเยือนในรายการนี้ของบาร์ซ่า ฤดูกาลนี้ เพิ่งจะมีนักเตะของพวกเขาทำประตูได้เพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นคือลูกยิงของเมสซี่ ในเกมนี้ และหากย้อนไป 6 เกมก่อนหน้านี้เวลาออกเยือน อาซูลกราน่า เพิ่งยิงได้สองลูกเท่านั้นและหนึ่งในสองลูกนั้นเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของ เซบาสเตียน โคอาเตส ในเกมที่บุกไปเอาชนะ สปอร์ติง ลิสบอน 1-0

    อย่างไรก็ตาม ประตูทีมเยือนในเกมนี้ของบาร์ซ่า นับว่าเป็นลูกสำคัญที่ทำให้เกมหน้าพวกเขาจะเล่นได้สบายขึ้นเยอะ

3. เมสซี่ ปลดล็อกใส่เชลซี แต่ซัวเรซ ยังควานหาประตูแรกในรอบเกือบปี

    แม้จะยิงประตูใส่ใครต่อใครมาแล้วมากมาย แต่เมสซี่ก็ยังไม่เคยยิงเชลซี ได้เลย จนกระทั่งเกมนี้…

    แนวรุกชาวอาร์เจนไตน์ หยุดสถิติ 731 นาที ที่ไม่เคยยิงเชลซีได้ จนกระทั่งเขาได้บอลจากอันเดรส อิเนียสต้า ก่อนจะบรรจงยิงสวนทาง ติโบต์ กูร์กตัวส์ เป็นประตูตีเสมอ 2-1

    อย่างไรก็ตาม แม้เมสซี่ จะปลดล็อกได้แล้ว แต่คู่หูของเขา อย่างหลุยส์ ซัวเรซ ยังหาประตูไม่เจอเกือบจะครบ 1 ปี ในศึกถ้วยใหญ่ยุโรป

    ประตูสุดท้ายที่ซัวเรซ ยิงในรายการนี้ ต้องย้อนไป เมื่อเดือนมีนาคม 2017 ที่พบกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง โน่นเลยและหากนับเป็นจำนวนนาที ดาวยิงอุรุกวัย ไม่ยิงมาแล้วกว่า 881 นาที หรือประมาณ เกือบ 10 นัดเข้าให้แล้ว

4. รองเท้าสตั๊ดของเมสซี่

    อีกประเด็นของลิโอเนล เมสซี่ คือรองเท้าสตั๊ดที่เขาใส่ในเกมนี้ ซึ่งหากมองเผินๆแล้วก็ไม่มีอะไร แต่เมื่อมองไปดีๆนั้น เมสซี่ ได้ปักชื่อของคนในครอบครัวลงในบนรองเท้าทั้งสองข้าง

    เมสซี่ ปักชื่อ อันโตเนลล่า ภรรยาของเขาไว้ที่สตั๊ดข้างซ้าย ส่วนข้างขวาเป็นชื่อของติอาโก้ ลูกชายคนโตของเขา

5. ไม่มีนักเตะอังกฤษในทีมตัวจริงของเชลซี

    ย้อนไปเมื่อวันบ็อกซิ่ง เดย์ ปี 1999 เชลซี เป็นทีมแรกของพรีเมียร์ลีก ที่ส่งรายชื่อผู้เล่นตัวจริงโดยไม่มีนักเตะอังกฤษลงสนามเลยสักคนเดียว

    และเมื่อคืนที่ผ่านมาก็เป็นครั้งแรกของเชลซี ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อกเอาท์ ที่ส่งตัวจริงโดยไม่มีนักเตะอังกฤษลงสนาม อย่างไรก็ตาม ในม้านั่งสำรองยังมีผู้เล่นอังกฤษ 3 คน คือ แกรี่ เคฮิลล์, แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์  และ คอลลัม ฮัดสัน-โอดอย โดยดริ้งค์วอเตอร์ เป็นคนเดียวที่ได้ลงสนามแทนเชส ฟาเบรกาส ในครึ่งหลัง

6. อันเช่, เบ็คส์, มาร์ติเนซ อยู่บนสแตนด์

    แน่นอนว่าเกมใหญ่ๆแบบนี้ มักจะมีคนดังในวงการลูกหนังเข้ามาร่วมชมเกมในสนาม ซึ่งในเกมนี้ เดวิด เบ็คแฮม ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังก็พาลูกๆเข้ามาชมเกมนี้

    รวมถึงโรแบร์โต้ มาร์ติเนซ นายใหญ่ทีมชาติเบลเยี่ยม ที่เข้ามาดูฟอร์มของเอแด็น อาซาร์ และติโบต์ กูร์กตัวส์ สองดาวเตะสำคัญทีมปีศาจแดงแห่งยุโรป ขณะเดียวกันคาร์โล อันเชลล็อตติ อดีตเฮดโค้ชเชลซี และพอล คลีเมนต์ อดีตผู้ช่วยผู้จัดการทีมของสิงห์บลูส์ ก็นั่งอยู่ในอัฒจันทร์อีกด้วย

7. ผลรวมประตูเท่ากัน

    นับตั้งแต่พบกันครั้งแรกในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2000 ปรากฎว่า 13 นัดหลังจากนั้น ทั้งสองทีมมีสกอร์รวมที่เท่ากัน คือ 19-19