“ราชันชุดขาว” ยังเดินหน้าไล่ล่าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกันเป็นทีมแรก หลังฟอร์มแกร่งบุกมาย้ำชัยเหนือเจ้าถิ่น ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่เล่นแค่10คนในครึ่งหลัง 2-1 โดย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังฮอตซัดต่อเนื่องติดต่อกัน นำดาวซัลโวที่ 12 ประตู พร้อมพาทีมลิ่วรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยสกอร์รวม 5-2
ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2
วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส) 1 – เรอัล มาดริด (สเปน) 2
(รวม2นัด เรอัล มาดริด เข้ารอบด้วยประตูรวม 5-2)
สนาม : ปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ (ปารีส, ฝรั่งเศส)
เกมแรกที่เบร์นาเบวเป็นทางฝ่าย “ราชันชุดขาว” ที่กุมความได้เปรียบเอาชนะ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มาได้ก่อน 3-1
โดยเกมนี้เจ้าถิ่นของ อูไน เอเมรี่ แม้จะไร้ เนย์มาร์ ที่บาดเจ็บยาวแต่แนวรุกมี คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้, เอดินสัน คาวานี่ และอังเคล ดิ มาเรีย ส่วนทีมเยือนของ ซีเนดีน ซีดาน วาง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยืนคู่กับ คาริม เบนเซม่า โดยมี คาเซมิโร่ คุมแดนกลางร่วมกับ มาเตโอ โควาซิช ขณะที่ โทนี่ โครส และลูก้า โมดริช แม้จะหายเจ็บกลับมาแต่มีชื่อเป็นตัวสำรองเท่านั้น
ก่อนเกมการแข่งขันได้มีการยืนไว้อาลัยให้ ดาวิเด้ อัสตอรี กองหลังฟิออเรนตินา ที่เสียชีวิตกะทันหันจากสภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา
11 นาทีแรก “ชุดขาว” ได้โต้กลับและมีลุ้นจากจังหวะที่ โรนัลโด้ เก็บบอลได้ก่อนไหลต่อให้ เบนเซม่า ซัดเต็มข้อแต่บอลไปแฉลบแนวรับเจ้าถิ่นออกหลังไป
ทีมเยือนยังกดดันต่อเนื่อง นาที 18 หวิดได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะเล่นสั้นตรงมุมธง อาเซนซิโอ หลุดไปถึงเส้นหลังก่อนครอสมาให้
รามอส วิ่งมายิงด้วยซ้ายแต่ดีที่ยังไม่พ้นมือ อาเรโอล่า ที่ปัดมือเดียวไว้ได้
โอกาสส่องครั้งแรกของเจ้าถิ่น เกิดขึ้นนาที 25 จากจังหวะฟรีคิกนอกกรอบ ดิ มาเรีย รับหน้าที่แต่ปั่นบอลไปติดกำแพงหลุดหลัง
มาดริด โต้มาทีได้เสียวทั้งสนาม นาที 38 น่าจะได้ขึ้นนำอีกหน จากความผิดพลาดของแนวรับเปแอสเชที่เข้าบอลพรวด เบนเซม่า ได้หลุดเข้าไปดวลตัวต่อตัวกับ อาเรโอล่า แต่ดันยิงไปติดตัวนายด่านเจ้าถิ่นอย่างน่าเสียดาย
นาที 41 ปารีสฯได้ลุ้นเหมือนกัน จังหวะต่อบอลหน้าปากประตูชุดขาว แวร์รัตติ จ่ายออกข้างให้ ดิ มาเรีย ปาดเร็วมาในกรอบ 6 หลาแต่ดีที่ นาวาส อ่านทางออกมาตะครุบได้หวุดหวิด
ถัดมานาทีเดียว เอ็มบั๊ปเป้ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปซัดมุมแคบแต่บอลก็ยังไม่ผ่านตัว นาวาส ที่ออกมาปิดมุมเซฟด้วยขาออกหลังไป จบครึ่งแรก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ยังเสมอกับ เรอัล มาดริด 0-0
กินน้ำกินท่ามาสู้กันต่อในครึ่งหลัง และแค่นาที 50 ทีมเยือน ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 อาเซนซิโอ ตัดบอลจาก อัลเวส ก่อนกระชากขึ้นมาดึงจังหวะก่อนไหลต่อให้ ลูคัส บาสเกซ หลุดถึงเส้นหลังก่อนหยอดมาเสาสองให้ โรนัลโด้ เทกตัวโขกบอลตกพื้นผ่านตัว อาเรโอล่า เข้าไปอย่างสวยงาม เป็นประตูที่ 12 ของ โรนัลโด้ ในเวทียุโรปซีซั่นนี้ พร้อมกับพา เรอัล มาดริด ฉีกนำสกอร์รวม 4-1
เกมผ่านไป 65 นาที เจ้าถิ่นต้องเหลือแค่ 10 คน หลัง มาร์โก้ แวร์รัตติ ไปต่อว่าผู้ตัดสินก่อนโดนใบเหลืองใบที่สอง เป็นใบแดงถูกไล่ออกจากสนามไป
แต่ 10 คนของเจ้าถิ่นกลับมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 นาที 70 ดิ มาเรีย เปิดยาวมาเสาสองให้ ติอาโก้ ซิลวา โขกชงมาให้ ปาสตอเร่ ยิงไปติดคาเซมิโร่ก่อนบอลมาโดน คาวานี่ จังหวะสุดท้ายเข้าไปให้ทีมทำสกอร์ไล่มาเป็น 2-4
นาที 74 ชุดขาวน่าจะขึ้นนำอีกหน เบนเซม่า หลุดจากครึ่งสนามลากบอลเข้าไปดวลกับแนวรับเปแอสเชสองต่อสอง แต่ดาวยิงเฟรนช์แมนไม่เลือกส่งให้ โรนัลโด้ แต่กลับยิงบอลหนีมือ อาเรโอล่า ออกไปแบบน่าเขกกะโหลก
นาที 80 “ราชันชุดขาว” มาได้ประตูขึ้น 2-1 อีกครั้ง แกเร็ธ เบล ปาดบอลไปหน้าประตู ราบิโอต์ เคลียร์บอลไม่ดีไปเข้าทาง คาเซมิโร่ ยิงสวนไปแฉลบ มาร์กินโญส ก่อนบอลลอยข้ามเส้นประตูไป ประตูรวมหนีไปเป็น 5-2
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม จบการแข่งขัน เรอัล มาดริด บุกมาปราบปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่เหลือ 10 คน 2-1 รวมสองนัดเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยประตูรวม 5-2
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง : อัลฟงส์ อาเรโอล่า – ดาเนียล อัลเวส, ติอาโก้ ซิลวา (กัปตันทีม), มาร์กินโญส, ยูริ เบร์ชีเช่ – มาร์โก แวร์รัตติ, ติอาโก้ ม็อตต้า, อาเดรียง ราบิโอต์ – คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้, เอดินสัน คาวานี่, อังเคล ดิ มาเรีย
เรอัล มาดริด : เกย์ลอร์ นาวาส – ดานี่ การ์บาฆาล, ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส (กัปตันทีม), มาร์เซโล่ วิเอยร่า – ลูคัส บาสเกซ, คาเซมิโร่, มาเตโอ โควาซิช, มาร์โก อาเซนซิโอ – คาริม เบนเซม่า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ผู้ตัดสิน : เฟลิกซ์ บรืช (เยอรมัน)