เมสซี่เบิ้ล! บาร์เซโลน่า อัด เชลซี 3-0 ทะลุ8ทีม ชปล.11ปีติด

“เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ยังโชว์ฟอร์มสมราคา หลังเอาชนะ เชลซี 3-0 ทำให้ทีมจากแดนผู้ดีผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเพียง 2 ทีมเท่านั้น โดยได้ความยอดเยี่ยมของ ลิโอเนล เมสซี่ ยิง 2 จ่ายอีก 1 ให้ อุสมาน เดมเบเล่ ซัดพาทัพอาซูลกราน่าผ่านเข้ารอบด้วยประตูรวม 4-1 ตึตั๋วเข้าไปเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศเป็นปีที่ 11 ติดต่อกัน โดยในช่วงค่ำวันศุกร์นี้ (ตามเวลาประเทศไทย) จะมีการจับสลากประกบคู่ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2
วันพุธที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2561
   บาร์เซโลน่า (สเปน) 3 – เชลซี (อังกฤษ) 0
 (รวม 2 นัด บาร์เซโลน่า เข้ารอบด้วยสกอร์รวม 4-1)

สนาม : คัมป์ นู

เกมแรก บาร์เซโลน่า บุกไปเอาอเวย์โกลที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ มาได้ 1 ลูก จากการยิงของ ลิโอเนล เมสซี่ ทำให้จบด้วยสกอร์ 1-1 ทำให้เกมนี้ขอเพียงผลเสมอ 0-0 ก็จะผ่านเข้ารอบทันที ซึ่งผลงานล่าสุดในลีกทั้งสองทีม บาร์เซโลน่า เอาชนะ มาลาก้า 2-0 ในเกมลีกล่าสุด ขณะที่ เชลซี เอาชนะ คริสตัล พาเลซ 2-1

เกมนี้ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เทรนเนอร์ บาร์เซโลน่า ส่ง ลิโอเนล เมสซี่ จับคู่กับ หลุยส์ ซัวเรส ในแดนหน้า โดยมี อุสมาน เดมเบเล่ ที่ลงมาแทน เปาลินโญ่, อิวาน ราคิติช และอันเดรส อีเนียสต้า ทำเกมสนับสนุนในแนวรุก

ส่วนฝั่ง เชลซี ของเทรนเนอร์ อันโตนิโอ คอนเต้ ตัดสินใจส่ง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า ประสานงานในแนวรุกร่วมกับ เอแด็น อาซาร์ และ วิลเลี่ยน โดยมี เชส ฟาเบรกาส และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ คุมเกมในแดนกลางเช่นเคย

เปิดฉากมาเพียง 3 นาที บาร์เซโลน่า ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว จากจังหวะการทำชิ่งของ หลุยส์ ซัวเรซ ให้ ลิโอเนล เมสซี่ หลุดเข้าไปยิงลอดขา ติโบต์ กูร์กตัวส์ เข้าไปอย่างเหนือชั้น  ให้เจ้าถิ่นขึ้นนำ 1-0 พร้อมเป็นลูกที่ 99 ของเจ้าตัว ในรายการนี้

หลังจากนั้น นาที 12 เชลซีได้ลุ้นบ้าง จากจังหวะยิงไกลของ วิลเลียน แต่บอลไม่ผ่านมือของ มาร์ค-อันเดร แทร์ ชเตเก้น

ถัดมา นาที 20 เจ้าถิ่น ได้ประตูนำห่าง 2-0 จากจังหวะสวนกลับ หลัง เมสซี่ ตัดบอลได้จาก เชส ฟาเบรกาส กลางสนาม ก่อนเลี้ยงหลบผู้เล่นเชลซี มา 2 คน และจ่ายให้ อุสมาน เดมเบเล่  ทางกราบขวา จับหนึ่งจังหวะซัดเต็มข้อ กูร์กตัวส์ เซฟไม่อยู่

นาที 28 บาร์ซ่า เกือบได้ลูกที่ 3 เมื่อ อันเดรส อีเนียสต้า ตอกส้น ให้ ซัวเรซ หลุดเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษ แต่บอลไปติดเซฟของ กูร์กตัวส์

สิงห์บลู เกือบได้ประตูตีไข่แตก นาที 37 เมื่อ วิลเลียน หลุดขึ้นไปทางกราบซ้าย จ่ายให้ มาร์กอส อลอนโซ่ ยิงโล่งๆในกรอบเขตโทษ แต่บอลไปตรงตัว ชเตเก้น ชกออกไปได้

นาที 45 เชลซี ได้ฟรีคิกระยะ 25 หลา เป็น มาร์กอส อลอนโซ่ ปั่นไปชนเสาด้านนอกพลาดได้ประตูอย่างน่าเสียดาย

จบครึ่งแรก แม้เชลซี จะตามหลังถึง 0-2 แต่รูปเกมไม่ได้เป็นรอง บาร์เซโลน่า

ครึ่งหลัง เริ่มมาเพียง 2 นาที บาร์ซ่า เกือบได้ประตูที่ 3 เมื่อ กูร์กตัวส์  ไปจ่ายบอลพลาดหน้ากรอบเขตโทษบอลไปเข้าทาง ซัวเรซ แต่ยิงไปติดเซฟ กูร์กตัวส์

นาที 56 บาร์ซ่า เปลี่ยนเอา เปาลินโญ่ ลงมาเล่นแทน อีเนียสต้า เพื่อเพิ่มเกมรับให้แน่นขึ้น

หลังจากนั้น นาที 61 บาร์ซ่า ต้องเอา อังเดร โกเมส ลงมาเล่นแทน เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ที่มีอาการบาดเจ็บ

นาที 63 เมสซี่ ยิงประตูที่ 100 ของตัวเองในรายการนี้ได้สำเร็จ จากจังหวะเลี้ยงกินตัวมาทางฝั่งซ้าย ก่อนจะยิงเสาแรกบอลลอดขา กูร์กตัวส์ เข้าไปให้เจ้าถิ่นนำห่าง 3-0

ถัดมา นาที 67 เชลซี แก้เกมด้วยการส่ง อัลบาโร่ โมราต้า และ ดาวิเด้ ซาปาคอสต้า ลงมาแทน โอลิวิเยร์ ชิรูด์ กับ วิคเตอร์ โมเสส

นาที 79 เมสซี่ เกือบทำแฮตทริก เมื่อยิงฟรีคิก ระยะ 30 หลา แต่ กูร์กตัวส์ ยังเซฟไว้ได้

นาที 82 เชลซี ส่ง เปโดร โรดริเกซ มาเป็นตัวสำรองคนสุดท้ายแทน เอแด็น อาซาร์

จากนั้น นาที 85 บาร์ซ่า เกือบได้ลูกที่ 4 จากจังหวะลูกเตะมุมฝั่งซ้าย เปาลินโญ่ ขึ้นโหม่งจ่อๆ แต่ไปติดเซฟ กูร์กตัวส์

นาทีสุดท้ายของเกม สิงห์บลูมีลุ้นตีไข่แตก เมื่อ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ได้ขึ้นโหม่ง แต่บอลไปชนคาน

จบเกม บาร์เซโลน่า เอาชนะ เชลซี 3-0 สกอร์รวม 2 นัด บาร์ซ่า เข้ารอบด้วยประตูรวม 4-1  ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศเป็นปีที่ 11 ติดต่อกัน และกลายเป็นทีมที่ 3 จากสเปนที่ผ่านเข้ารอบต่อจาก เรอัล มาดริด และ เซบีย่า โดยจะมีการจับสลากรอบ 8 ทีม ในค่ำวันศุกร์นี้

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

บาร์เซโลน่า (4-4-2) : มาร์ค-อันเดร แทร์ ชเตเก้น – เซร์จี้ โรเบร์โต้, เคราร์ด ปีเก้, ซามูแอล อุมติตี้, จอร์ดี้ อัลบา – อุสมาน เดมเบเล่, อิวาน ราคิติช, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, อันเดรส อีเนียสต้า – หลุยส์ ซัวเรซ, ลิโอเนล เมสซี่

สำรอง : ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น, เปาลินโญ่, ปาร์โก้ อัลกาเซร์, ลูกาส์ ดีญ, อังเดร โกเมส, อเล็ก บีดัล, โธมัส แฟร์มาเล่น

 เทรนเนอร์ : เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้

เชลซี (3-4-3) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ – วิคเตอร์ โมเสส, เชส ฟาเบรกาส, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่ – วิลเลี่ยน,เอแด็น อาซาร์, โอลิวิเยห์ ชิรูด์

สำรอง : วิลลี่ กาบาเยโร่, อัลบาโร่ โมราต้า, เปโดร โรดริเกซ, ติเอมูเอ้ บากาโยโก้, ดาวิเด้ ซาปาคอสต้า, แกรี่ เคฮิลล์, เอเมอสัน

เทรนเนอร์ : อันโตนิโอ คอนเต้

ผู้ตัดสิน : ดาเมียร์ สโคมิน่า (สโลวีเนีย)