เขาอาจไม่ได้มีชื่อบนพาดหัวข่าวใหญ่เหมือนยาดอน ซานโช ยาคอบ บรุน ลาร์เซน หรือ ปาโก้ อัลกาเซร์ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่หากไม่นับมาร์โค รอยส์ กัปตันผู้เซ็ตจังหวะเกมของทีมแล้ว เถียงไม่ได้เลยว่า อักเซล วิตเซลเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นคนสำคัญของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์อย่างแน่นอน เรามาเจาะลึกฟอร์มการเล่นของมิดฟิลด์ชาวเบลเยียมผู้มีส่วนในการพาทีม “เสือเหลือง” ทะยานรั้งตำแหน่งจ่าฝูงบุนเดสลีกาอยู่ในขณะนี้กันได้เลย
เฟืองชิ้นสำคัญของทีม
หลังจากล้มเหลวในการแย่งชิงถาดแชมป์บุนเดสลีกากับบาเยิร์น มิวนิค มาถึง 6 ปีเต็ม ในที่สุดดอร์ทมุนด์ก็หาทางแก้ไขจุดอ่อนในแดนกลางของทีมได้สำเร็จ เมื่อสามารถคว้าตัวอักเซล วิตเซลเข้ามาร่วมทีมได้ ซึ่งในฤดูกาลที่ผ่านมาแม้พวกเขาจะยิงได้มากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 (64 ประตู) แต่กลับเสียท่าโดนเจาะตาข่ายไปถึง 47 ประตู ทำสถิติเสียประตูน้อยที่สุดไปไกลถึงอันดับ 9 ในลีกเลยทีเดียว
“อักเซลเป็นยอดนักเตะที่มีประสบการณ์ในระดับนานาชาติ เขามีความสามารถทุกอย่างที่ดอร์ทมุนด์ต้องการให้มีในแผงกองกลาง” มิชาเอล ซอร์ค สปอร์ตติ้ง ไดเร็คเตอร์ของเสือเหลืองกล่าว “เขาเข้าใจกลยุทธ์ มีพลังเข้าแย่งบอล ว่องไว มีความคิดสร้างสรรค์และฉลาด”
วิตเซลเพิ่งจะช่วยทีมชาติเบลเยี่ยมคว้าอันดับ 3 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียไปหมาดๆ ก่อนย้ายมาร่วมทีมดอร์ทมุนด์ ซึ่งในการลงสนามประเดิมเกมแรกให้กับทีม เขาก็ยิงประตูคู่แข่งได้ทันที
“วิตเซลมีคาแร็คเตอร์ชัดเจน” รอยส์กล่าว “พอเขามา คุณเห็นได้ชัดเลยว่านี่แหละคือนักเตะที่เรากำลังต้องการ ตอนนี้เราได้คนที่เหมาะสำหรับตำแหน่งนี้แล้ว”
นอกจากสตาร์เบอร์ 28 คนนี้แล้ว ทัพเสือเหลืองก็ยังมีผู้เล่นคนอื่นๆ ที่เข้ามาเป็นตัวหลักของทีม ทั้ง โทมัส เดลานีย์ มาห์มูด ดาฮูด แต่อย่างไรก็ตาม วิตเซลก็ถือเป็นพี่ใหญ่ที่โดดเด่นที่สุดในแผงมิดฟิลด์อย่างไม่ต้องสงสัย
การเข้าบอลที่เปลี่ยนชีวิต
กว่าวิตเซลจะย้ายมาเล่นในลีกท็อป 5 ของยุโรปก็อายุอานามปาเข้าไป 29 ปีแล้ว ในสมัยที่ยังเป็นดาวรุ่งอายุแค่ 20 ปีเขาเคยพาสตองดาร์ด ลีแอชคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของเบลเยี่ยมเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีจนได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำปี 2008 ของเบลเยี่ยม และในฤดูกาลต่อมาทีมของเขาก็คว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้อีกด้วย
ถึงจะดูมีอนาคตไกลในฐานะยอดนักเตะดาวรุ่ง แต่การเข้าสกัดบอลมาร์ซิน วาซิเลฟสกี้ ปราการหลังจากอันเดอร์เลชจนขาหักนั้นเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปหมด เขาโดนโทษแบนยาว 8 นัด แถมยังเปลี่ยนฐานะจากดาวรุ่งไปเป็นศัตรูที่ใครๆ ก็หมายหัว หลังโดนอีเมลกระหน่ำและขู่ฆ่ามากมาย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะย้ายไปเล่นให้กับเบนฟิก้า
“ผู้คนรุมด่าเขา บางคนถึงกับขว้างหินใส่ทางหน้าต่างเลย” พ่อของเขากล่าว “เหตุการณ์นี้เปลี่ยนเขาไปเลย เป็นอักเซลก่อนสกัด กับอักเซลหลังสกัด เขากลายเป็นคนปิดตัวมากขึ้น คุณจะเห็นได้ว่าเขาโดนถล่มจากทุกอย่างรอบตัว มันเป็นแบบนั้นอยู่สองสามวัน แล้วเขาก็ตัดสินใจย้าย”
แข้งขาประจำทีมชาติ
วิตเซลย้ายทีมอยู่บ่อยครั้ง เริ่มตั้งแต่ย้ายไปเล่นกับเบนฟิก้าในโปรตุเกส ต่อด้วยเซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กในรัสเซีย และเทียนจิน ฉวนเจียนในศึกไชนีส ซูเปอร์ลีก ประเทศจีน อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังถูกเรียกติดทีมชาติอย่างสม่ำเสมอ แถมยังเป็นผู้เล่นคนสำคัญคนหนึ่งในทีมอีกด้วย
“เมื่อผมจัดทีม วิตเซลจะเป็นชื่อแรกที่ผมเขียนบนกระดาษ” มาร์ค วิลม็อตส์ อดีตโค้ชทีมชาติเบลเยี่ยมกล่าวก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2014 ซึ่งในปีนั้นเบลเยี่ยมแพ้ให้กับอาร์เจนติน่าในรอบก่อนรองชนะเลิศไปอย่างน่าเสียดาย
“ผมมั่นใจว่าวิตเซลจะยังคงกระหายในชัยชนะและยังคงเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมชาติเบลเยี่ยม” โรแบร์โต มาร์ติเนซ กุนซือทีมชาติคนปัจจุบันพูดยืนยันหลังวิตเซลตัดสินใจย้ายไปเล่นในจีน “ระดับฝีเท้าของเขาไม่ตกเลยในการเล่นที่เซนิตในรัสเซีย ผมจึงไม่เห็นว่าจะเป็นปัญหาอะไร เขาจะได้ลงทุกนาที จะได้ลงตลอด ผมประทับใจในตัวเขามาก”
และก็เป็นอย่างที่มาร์ติเนซคาดการณ์ไว้ วิตเซลรักษาฟอร์มและความฟิตได้เป็นอย่างดีระหว่างช่วงเวลาที่ค้าแข้งอยู่ในจีน อีกทั้งยังซ้อมพิเศษนอกเวลาและจ้างเทรนเนอร์มาควบคุมการซ้อมเป็นการส่วนตัว เขาพลาดลงเล่นให้ทีมชาติไปแค่นัดเดียวเท่านั้น และมีส่วนช่วยให้เบลเยี่ยมปราบทีมชาติอังกฤษคว้าอันดับ 3 ในศึกฟุตบอลโลกปี 2018 ที่รัสเซียอีกด้วย หนึ่งเดือนหลังจากนั้น เขาก็ออกมาประกาศย้ายทีมมาเล่นในลีกสูงสุดของเยอรมนี
“หลังจบฟุตบอลโลก ผมถูกโน้มน้าวให้ย้ายมาเล่นในยุโรป” วิตเซลกล่าว “ผมแฮปปี้มากๆ และภูมิใจที่ได้ลงเล่นให้ดอร์ทมุนด์ หลังคุยกันครั้งเดียว ผมแทบไม่ต้องเสียเวลาในการตัดสินใจนานเลย เพราะดอร์ทมุนด์เป็นทีมที่ใหญ่ที่สุดทีมนึงในยุโรปในความคิดผม ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะได้ลงเล่นต่อหน้าแฟนบอล 81,000 คน”
ระเบิดฟอร์มอย่างรวดเร็ว
เพียงไม่นานวิตเซลก็เข้าไปอยู่ในใจชาว “กำแพงสีเหลือง” และแฟนๆ ดอร์ทมุนด์ทุกคนเมื่อสามารถยิงประตูได้ตั้งแต่ในนัดแรกที่ลงสนาม ตามมาด้วยการประเดิมแมตช์บุนเดสลีกาอย่างเป็นทางการด้วยการยิงประตูสุดสวยเอาชนะแอร์เบ ไลป์ซิกไปได้ต่อหน้าแฟนบอลในถิ่นซิกนัล อิดูน่า พาร์ค
งานของเขาเป็นงานที่ค่อนข้างยากในการเชื่อมเกมรับและรุกในทีมดอร์ทมุนด์ เขามีหน้าที่ตัดเกมคู่แข่ง แย่งบอลกลับมา ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามหาช่องจ่ายบอลให้ผู้เล่นในแนวรุกด้วย การเปลี่ยนเกมได้อย่างรวดเร็วนั้นเป็นสิ่งสำคัญในฟุตบอลสมัยใหม่ ทักษะทางเทคนิคและความฉลาดด้านกลยุทธ์ของวิตเซลจึงเป็นสิ่งที่ทีมขาดไม่ได้เลย
“ไม่ง่ายเลยสำหรับตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวยันเกม” เทรนเนอร์ ลูเซียง ฟาฟร์กล่าวในช่วงเริ่มฤดูกาล “พอคุณได้บอล ก็จะมีคนคอยเข้ามาบีบกดดันคุณทันที แต่อักเซลสามารถทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้ได้ดีมาก เขานิ่งมาก”
“ผมคิดว่าคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผมคือวิธีการบังบอล และไม่ยอมเสียบอลง่ายๆ” วิตเซลอธิบาย “แม้ผมจะเล่นคนละตำแหน่งกับซีเนดีน ซีดาน แต่เขาก็เป็นไอดอลของผมเสมอมา ทั้งการครองบอลและทักษะของเขา เขาคือที่สุดในโลก ผมชอบอันเดรีย ปีร์โล่ด้วยเช่นกัน ชั้นเชิงของเขาสุดยอด สองคนนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ผมพยายามเล่นให้ดี”
การเข้ามาของวิตเซลช่วยผสานให้ดอร์ทมุนด์เล่นเข้าขากันได้อีกครั้ง โดยเฉพาะในเกมรับ ดอร์ทมุนด์เสียไปแค่ 13 ประตู เป็นรองเพียงไลป์ซิก (10 ประตู) ทีมเดียวเท่านั้น ในขณะที่เกมรุกดอร์ทมุนด์กำลังไปได้สวย ถล่มคู่แข่งไปแล้วรวม 37 ประตูจาก 13 เกมโดยที่กลัดบัคและไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต
ยิงได้เป็นที่สองเท่ากัน ซึ่งน้อยกว่าดอร์ทมุนด์ถึง 7 ประตู
แข้งเบลเยี่ยมรายนี้ทำสถิติสัมผัสบอลเฉลี่ย 85 ครั้งต่อเกม มีอัตราจ่ายบอลสำเร็จสูงถึง 94.4% และมีอัตราแย่งบอลสำเร็จสูงกว่าครึ่ง ไม่แปลกใจเลยที่สุดยอดนักเตะพรสวรรค์คนนี้เคยฝันไว้ในวัยเด็กว่าอยากจะเป็นสถาปนิก ซึ่งขณะนี้เขากำลังสร้างสรรค์เกมได้อย่างสุดยอด
เป็นแรงบันดาลใจให้แข้งดาวรุ่งรุ่นใหม่
“ผมพร้อมจะเป็นผู้นำ” วิตเซลกล่าวหลังย้ายมาร่วมทีมเสือเหลือง “ผมอายุ 29 ปีแล้ว เป็นผู้เล่นอาวุโสที่สุดในทีมคนนึง เรามีขุนพลนักเตะที่มีพรสวรรค์และอายุยังน้อยมาก การที่พวกเขาได้เล่นให้ดอร์ทมุนด์ด้วยวัยเพียงแค่ 19 หรือ 20 ปีนั้นมันเยี่ยมจริงๆ”
วิตเซลกลายเป็นแบบอย่างของแข้งรุ่นน้องในทีมเช่นเดียวกับรอยส์และวูกัช ปิชต์แชก เขาคว้าถ้วยแชมป์ในประเทศมาแล้วถึง 9 สมัยและผ่านสังเวียนฟุตบอลสโมสรยุโรปถึง 89 นัด นับว่ามากกว่าทุกคนในทีม วิตเซลเป็นนักเตะผู้ประสานให้สตาร์ของทีมโชว์ฟอร์มได้อย่างลื่นไหล ทั้งอัลกาเซร์ที่ยิงไปแล้ว 10 ประตู ซานโชที่ทำไปแล้ว 6 แอสซิสต์ และรอยส์ที่ยิงไป 9 ประตูกับ 5 แอสซิสต์ โดยในเกม “แดร์ คลาสสิกเคอร์” กับบาเยิร์น มิวนิค การวิ่งและจ่ายบอลให้อัลกาเซร์ยิงประตูชัยถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เสือเหลืองคว้าชัยในนัดนี้ไปได้ แถมยังสะท้อนให้เห็นถึงความนิ่งเมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่กดดัน
“การเซ็นสัญญานักเตะที่ดีที่สุดในโลกฤดูกาลนี้ก็คือ อักเซล วิตเซล” โรแบร์โต มาร์ติเนซกล่าวกับ Sport Bild “ด้วยฟอร์มการเล่นเมื่อเทียบกับค่าตัวอันน้อยนิดแล้ว ผมว่าเขานี่แหละยอดเยี่ยมที่สุด ดอร์ทมุนด์จะต้องยินดีที่คว้าตัวเขามาได้ ผมรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องประสบความสำเร็จที่ดอร์ทมุนด์”