แม้ว่าจะเจอทีมระดับหนีตกชั้นมา 2 นัดติดต่อกัน แต่มันก็ต้องชม โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมชั่วคราวของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่วางแผนได้ถูกต้อง นั่นคือการให้ทีมเปิดเกมบุกใส่เต็มที่แบบไม่ต้องคิดอะไรมากนัก เพราะแนวรุกของพวกเขามีชื่อชั้นดีอยู่แล้ว ดังนั้นการจะมาเล่นแบบกั๊กๆ จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้อง ซึ่งถ้าเป็นในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ เขาอาจจะไม่ทำแบบนี้ก็ได้
ผลลัพธ์ที่ตามมาคือการที่ แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถทำได้ถึง 8 ลูกจากการลงเล่น 2 นัด ขณะที่ในเกมลีก 6 นัดก่อนหน้านั้นซึ่งอยู่ภายใต้การคุมทีมของ มูรินโญ่ นั้น “ปีศาจแดง” ยิงได้เพียง 7 ประตูเท่านั้น
ทั้งนี้ ในขุมกำลังชุดปัจจุบันของ แมนฯ ยูไนเต็ด มีนักเตะในตำแหน่งกองหน้าถึง 4 คน ประกอบไปด้วย อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล, โรเมลู ลูกากู, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อเล็กซิส ซานเชซ ซึ่งมันต้องมีอย่างน้อย 1 คนที่อดเป็นตัวจริง คำถามคือคนไหนบ้างที่ควรได้เป็นตัวจริงในยุคของ โซลชา ?
– มาร์กซิยาล
นี่คือคนที่แทบจะการันตีตำแหน่งตัวจริงในแนวรุกของทีมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่อนาคตในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เคยมืดมนสุดๆ จากการที่ไม่ได้รับโอกาสลงเล่นมากเท่าไหร่นั้น ดาวเตะชาวฝรั่งเศสก็แสดงให้เห็นว่าเขามีดีพอที่จะเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด หลังจากตอนนี้นำเป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมในฤดูกาล 2018-19 ด้วยการทำไป 9 ลูก จากการลงเล่น 20 นัด
มาร์กซิยาล มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมหลายด้าน ทั้งเทคนิคการจบสกอร์, การลากเลื้อย, การผ่านบอล ฯลฯ ดังนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจถ้าเราจะได้เห็น โซลชา ใช้งานเขาอย่างต่อเนื่อง ทางเดียวที่เขาจะไม่ได้ลงเล่นคือป่วยอย่างช่วงก่อนเกมกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ หรือไม่ก็โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานเท่านั้น
ความคู่ควรในการเป็นตัวจริง : 100 เปอร์เซ็นต์
– ลูกากู
ผลงานที่น่าผิดหวังของ ลูกากู ในฤดูกาลนี้ ทำให้เขามักจะโดน “เร้ด อาร์มี่” วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ขณะที่บางรายถึงขั้นอยากให้เขาโดนขายออกไปด้วย ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร เพราะสำหรับกองหน้าตัวความหวังของทีมที่มีค่าตัวเบื้องต้นสูงถึง 75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,375 ล้านบาท) แล้วนั้น การที่เขายิงไปเพียง 6 ลูก จากการลงเล่น 22 นัดในทุกรายการของซีซั่นนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เลวร้ายสุดๆ
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาส่วนหนึ่งแผนการเล่นของ มูรินโญ่ มันไม่เป็นประโยชน์ต่อ ลูกากู เท่าไหร่ด้วย จุดเด่นที่สุดของดาวเตะชาวเบลเยียมคือการใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งเบียดสู้คู่แข่ง หรือไม่ก็การรอจบสกอร์ในระยะหวังผล แต่ก่อนหน้านี้เกมบุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นกันได้แย่จนทำให้บอลมาไม่ค่อยมาถึงจุดที่ ลูกากู จะแสดงศักยภาพของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่
ถ้าวัดกันแค่ผิวเผินแล้วล่ะก็ ลูกากู คือคนที่มีทักษะการจบสกอร์ดีเป็นลำดับต้นๆ ในแผง 4 กองหน้าของ แมนฯ ยูไนเต็ด แถมเผลอๆ อาจจะดีที่สุดด้วยซ้ำ ซึ่งด้วยความที่เกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคของ โซลชา ขึ้นเกมกันเร็วกว่าเดิม มันก็อาจจะส่งผลดีกับ ลูกากู จนทำให้เขากลับไปผลิตสกอร์ได้เป็นกอบเป็นกำก็ได้
ความคู่ควรในการเป็นตัวจริง : 45 เปอร์เซ็นต์
– แรชฟอร์ด
ตอนขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงแรกๆ แรชฟอร์ด ทำผลงานได้โดดเด่นเกินวัย ทำให้มันเป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนจะมองว่าเขามีโอกาสพัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นนักเตะชั้นยอดในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ดาวเตะชาวอังกฤษกลับพัฒนาตัวเองได้ช้ากว่าที่หลายคนคาดหวัง จริงอยู่ว่าเขามีความเร็วที่ดี แต่การจบสกอร์ของเจ้าตัวยังไม่น่าพอใจเท่าไหร่นัก โดยที่จริงในบรรดา 4 กองหน้า เขาถือว่าเป็นคนที่ได้ลงเป็นตัวจริงในลีกเยอะที่สุดเป็นอันดับ 2 ด้วยซ้ำ จากการลงเล่นไป 11 นัด แต่กลับยิงได้เพียง 4 ลูก (อันดับ 1 คือ ลูกากู จากจำนวน 12 เกม)
ถึงกระนั้น หลายคนก็มองว่าความสามารถของ แรชฟอร์ด ถูกจำกัดโดยสไตล์การทำทีมของ มูรินโญ่ ซึ่งสิ่งนั้นอาจจะเปลี่ยนแปลงไปก็ได้ในยุคของ โซลชา อย่างในเกมกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ เขาก็ขึ้นเกมรุกให้ทีมได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ความคู่ควรในการเป็นตัวจริง : 40 เปอร์เซ็นต์
– ซานเชซ
นับตั้งแต่มานั่งดีดเปียโนในคลิปเปิดตัวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ดาวเตะชาวชิลีก็ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมเหมือนตอนเล่นให้ บาร์เซโลน่า และ อาร์เซน่อล ได้เลย โดยตลอดช่วงที่ผ่านมาเขายิงประตูให้ทีมได้เพียง 4 ลูก จากการลงเล่น 30 นัดในทุกรายการ
ถึงกระนั้น ปัญหาของ ซานเชซ ก็คล้ายๆ กับที่ ลูกากู เจอในฤดูกาลนี้ แท็กติกของ มูรินโญ่ มันไม่เข้ากับจุดเด่นของ ซานเชซ ถึงแม้บางครั้งเขาจะพาบอลบุกขึ้นมาได้ แต่พอเงยหน้าขึ้นมาแล้วมันกลับไม่มีตัวเลือกให้ทำอะไรต่อมากนัก ในทางกลับกัน ถ้าเกิด โซลชา ยังใช้แผนแบบใน 2 เกมที่ผ่านมา แข้งวัย 30 ปี ก็อาจจะทำผลงานได้โดดเด่นจนกลับไปเป็นฝันร้ายของคู่แข่งได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าวัดกันเฉพาะสถานการณ์ในปัจจุบันแล้วนั้น ซานเชซ ดูเป็นคนที่แย่ที่สุดในกลุ่ม 4 กองหน้าของ แมนฯ ยูไนเต็ด และนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาอดลงเล่นถึงหลายนัดก็ได้
ความคู่ควรในการเป็นตัวจริง : 35 เปอร์เซ็นต์