
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หมดลุ้นอันดับท็อปโฟร์อย่างเป็นทางการแล้วหลังทำได้แค่เสมอกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ แม้จะเริ่มต้นเกมด้วยการขึ้นนำอย่างรวดเร็วแต่กลับแผ่วปลายโดนทีมบ๊วยสอยตาข่ายทั้งที่ก่อนหน้านี้ ฮัดเดอร์สฟิลด์ เพิ่งจะยิงประตูในบ้านได้แค่ 9 ประตูเท่านั้น บ่งบอกถึงความย่ำแย่ของ ปีศาจแดง อย่างแท้จริง เรามาเจาะประเด็นที่น่าสนใจในเกมนี้กัน
1.ต่อบอลสวยก็เท่านั้น
เปิดเกมมาเหมือน ผีแดง จะดูดีขึ้นเมื่อได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากการยิงของ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ แล้วหลังจากนั้นเกมรุกดูไหลลื่นเหลือเกิน มีหลายจังหวะที่ต่อบอลกันสวยงามหน้าปากประตูคู่แข่ง แต่ทว่าเมื่อมองประสิทธิภาพในการจบสกอร์แล้วถือว่าเข้าขั้นย่ำแย่ก็ว่าได้ ทิ้งโอกาสทองมากมายหลายจังหวะ โดยเฉพาะมาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ขาดๆเกินๆจังหวะสุดท้ายตลอด
หลายครั้งที่ ปอล ป็อกบา ได้บอลในแดนกลางและมองหานักเตะด้านหน้า แต่ มาร์คัส แรชฟอร์ด และอเล็กซิส ซานเชซ ยืนอยู่เฉยๆเลยทำให้ต้องส่งบอลคืนหลังไปเริ่มทำเกมกันใหม่ เข้าใจว่าแข้งเกมรุกในนัดนี้ทั้ง โรเมลู ลูกากู, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และเจสซี่ ลินการ์ด ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดเลยมีตัวเลือกไม่มากนัก แต่เชื่อว่าหากมีพวกเขาทั้งสามเกมก็คงไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมากเท่าไหร่นักเมื่อดูจากฟอร์มที่ผ่านมา หลังจากนี้ โซลชา น่าจะรู้แล้วว่า ผีแดง จำเป็นต้องเสริมทัพในตำแหน่งตัวรุก ไม่อย่างนั้นเกมรุกจะย่ำอยู่กับที่แน่นอน
2.เห้อ……แนวรับ
นอกจากเกมรุกจะทำแฟนบอลกุมขมับแล้ว เกมรับยังคงไม่มีการปรับปรุงเช่นเคย จังหวะที่เสียประตูมาจากการเล่นเร็วของ ผู้รักษาประตูฮัดเดอร์สฟิลด์ที่วางยาวให้กองหน้าของพวกเขาโดยที่ ลุค ชอว์ เป็นคนหวดบอลวืดจนทำให้หลุดไปยิงประตูแบบง่าย ๆ และเกมนี้ก็เป็นเกมที่ 14 ติดต่อกันแล้วที่ แมนฯยูไนเต็ด เสียประตูให้คู่แข่ง เกมสุดท้ายที่ ผีแดง เก็บคลีนชีตได้คือเกมเสมอกับ ลิเวอร์พูล 0-0
แค่ไล่รายชื่อแผงหลังนัดนี้ก็คงต้องมีปวดหัวกันเป็นธรรมดา แบ็กขวากัปตันทีมอย่าง แอชลีย์ ยัง ฟอร์มย่ำแย่สุดๆโดยเฉพาะในเดือนที่ผ่านมา ขณะที่เซนเตอร์ ฟิล โจนส์ คงไม่ต้องบอกสรรพคุณอะไรมากเพราะเขาเป็นเซียนยิงประตูตัวเองอยู่แล้ว ส่วนแบ็กซ้ายอย่าง ลุค ชอว์ แม้จะมีหลายนัดที่เล่นดูดีแต่ก็ยังสร้างความผิดพลาดให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง มีเพียงแค่ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ ที่สมควรจะได้ไปต่อ จุดนี้ก็คงเป็นอีกจุดที่ โซลชา คงต้องเสริมทัพอย่างเร่งด่วนเพราะเป็นปัญหาเรื้อรังมาอย่างยาวนานแล้ว
3.อนาคตอเล็กซิส?
เมื่อไม่มีตัวเลือกมากนักทำให้เกมนี้ โซลชา เลือกที่จะส่ง อเล็กซิส ซานเชซ ลงสนามเป็นตัวจริง นานๆจะมีโอกาสสร้างความประทับใจให้นายใหญ่โซลชาก็ต้องเน้นเป็นพิเศษเพราะมีโอกาสที่เขาจะถูกขายออกจากทีมสูงมาก ซึ่งเขาก็เริ่มต้นเกมได้ค่อนข้างดีทีเดียว ด้วยจุดเด่นของเขาคือความขยันไล่บอลทำให้เกมรุกดูมีชีวิตชีวามากขึ้น แต่ทว่าพอเกมดำเนินไปเรื่อยๆ ฟอร์มเขากลับยิ่งดร็อปลงไป เขาดูจะพยายามในหลายๆจังหวะแต่พอเข้าพื้นที่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลวตลอด แถมครึ่งหลังดันมาเจ็บเสียอีก สุดท้ายโอกาสพิสูจน์ตัวเองหลุดลอยไปอีกครั้ง หลังเกม โซลชา ก็โดนสัมภษณ์ว่านี่จะเป็นเกมสุดท้ายของเขาหรือไม่? ซึ่ง โซลชา ก็ขอพูดแต่เรื่องอาการบาดเจ็บของเขาเท่านั้น ก็ต้องมารอดูกันว่าซัมเมอร์นี้เขาจะอยู่ต่อหรือจะต้องลาจาก…
4.โซลชา กับการแก้เกม
อาจจะเป็นประเด็นที่น่าเห็นใจอยู่พอสมควรสำหรับตัวเลือกผู้เล่นที่มีอยู่อย่างจำกัด แต่ก็มีหลาย ๆเกม ที่เขามีผู้เล่นที่เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในม้านั่งสำรองแต่เขากลับเลือกส่งนักเตะไม่ตรงจุดเท่าไหร่นัก ดีโอโก ดาโลต์ น่าจะเห็นได้ชัดสุดในเกมนี้ ขณะที่สกอร์กำลังตามหลังและม้านั่งสำรองมีตัวเลือกแนวรุกอย่าง อันเดรียส เปเรยร่า และเฟร็ด แต่นายใหญ่ปีศาจแดงเลือกส่ง ดาโลต์ ลงสนามซึ่งช่วงท้ายเกมก็มีจังหวะที่เขาได้เปิดบอลอยู่หลายครั้งแต่ทำได้น่าผิดหวังสุดๆและช่วยทีมไม่ได้มากนัก อย่างไรก็ตามเราก็ไม่รู้ว่านักเตะอีกสองคนที่ไม่ได้รับเลือกจะลงมาเปลี่ยนเกมได้ไหมเพราะผลงานที่ผ่านมาก็แทบไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ก็คงต้องวกกลับมาที่การเสริมทัพเช่นเคย นักเตะสำรองยังฝากผีฝากไข้ไม่ได้แบบนี้คงต้องมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน
5.สถิติอีกแล้ว
ปิดท้ายกันด้วยสถิติที่ไม่น่าจดจำเท่าไหร่นัก เมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงไม่สามารถเก็บชัยชนะที่ จอห์น สมิธส์ สเตเดี้ยม ได้เลยในพรีเมียร์ลีก (เสมอ 1 และแพ้ 1) ซึ่งเป็นทีมเดียวที่มาเยือนที่นี่มากกว่าหนึ่งครั้งแล้วไม่ชนะ นอกจากนี้ ผีแดง ไร้ชัยชนะในฐานะทีมเยือนเป็นเกมที่ 6 ติดต่อกันในทุกรายการ (เสมอ 1 แพ้ 5) ถือเป็นผลงานที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่พวกเขาเคยไร้ชัยเกมเยือน 9 เกมติดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2014



