แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้งเมื่อไม่สามารถรักษาสกอร์นำได้ หลังโดน แอสตัน วิลล่า บุกมายิงตีเสมอ 2-2 ในเกมที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทำให้พวกเขายังคงต้องรังอันดับ 9 ต่อไปโดยมี 18 คะแนนห่างจากท็อปโฟร์ 8 แต้ม และห่างจาก ลิเวอร์พูล จ่าฝูง 22 คะแนน
ในขณะที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ยังคงรักษาระยะห่างจาก ลิเวอร์พูล 8 คะแนนต่อไป เมื่อพวกเขาเฉือน เอฟเวอร์ตัน ได้อย่างหวุดหวิด 2-1 โดยได้ประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจาก เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ทำให้ “เดอะ ฟ็องซ์” สร้างสถิติชนะในเกมลีกติดต่อกัน 6 แมตช์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 1963
ส่วน อาร์เซน่อล ที่ได้ เฟร็ดดี้ ลุงเบิร์ก เข้ามากุมบังเหียนชั่วคราว นำลูกทีมลงเล่นเกมลีกอย่างเป็นทางการนัดแรก พร้อมกับไล่ตีเสมอ นอริช ซิตี้ โดยงานนี้แฟนบอล “เดอะ กันเนอร์ส” ต้องขอบคุณ ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมย็อง ที่สวมบทฮีโร่ซัดเบิ้ล ให้ทีมเก็บ 1 คะแนนสำคัญได้สำเร็จ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 – 2 แอสตัน วิลล่า
– แมนเชสเตอร์ ยไนเต็ด เก็บได้แค่ 18 คะแนนในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ซึ่งน้อยที่สุดหลังจากผ่านไป 14 เกมในการเล่นลีกสุงสุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 1988-89 (18 คะแนน) ตอนที่พวกเขาจบซีซั่นในอันดับ 11
– แจ็ค กรีลิช สตาร์แอสตัน วิลล่า เกี่ยวข้องโดยตรงกับ 7 ประตูในพรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ (3 ประตูและ 4 แอสซิสต์) เยอะที่สุดในแผงกองกลางชาวอังกฤษ
– วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ทำประตูที่ 2 จากการเล่น 84 แมตช์ให้ “ปีศาจแดง” ตลอดทุกรายการ
– แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จาก ทอม ฮีตัน อดีตนายทวาร “ผีแดง” (ก่อนหน้านี้ก็คือเกม เบิร์นลี่ย์ เมื่อเดือนมกราคม)
– แอสตัน วิลล่า เสียประตูจากลูกเซตพีซมากที่สุดในเกมพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลี้
นอริช 2 – 2 อาร์เซน่อล
– อาร์เซน่อล สะกดคำว่าชนะไม่เป็นใน 6 เกมพรีเมียร์ลีก (เสมอ 4 แพ้ 2) ถือว่าย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2011 (6 เกม)
– นับตั้งแต่ที่ ปิแอร์ เอเมอริค-โอบาเมย็อง เปิดตัวในพรีเมียร์ลีกเดือนกุมภาพันธ์ 2018 เขายิงไปแล้ว 27 ประตูในเกมที่ลงเล่นวันอาทิตย์ มากกว่านักเตะคนอื่นๆ ที่ยิงประตูได้ในเกมที่ลงแข่งช่วงสุดสัปดาห์
– นอกจากนี้ โอบาเมย็อง ยังยิงไปแล้ว 10 ประตูจาก 11 เกมในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีในการพบกับทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา
– อาร์เซน่อล ไม่ชนะในเกมเยือน 40 แมตช์หลังสุดเมื่อตกเป็นรองในช่วงพักครึ่งเกมพรีเมียร์ลีก (เสมอ 10 แพ้ 30) นับตั้งแต่ที่ชนะ เชลซี 5-3 เมื่อเดือนตุลาคม 2011
เลสเตอร์ ซิตี้ 2 – 1 เอฟเวอร์ตัน
– นี่เป็นครั้งที่ 6 ที่เลสเตอร์ ได้ประตูชัยในนาทีที่ 90 ในเกม พรีเมียร์ลีก โดยในจำนวนนั้นแบ่งเป็นมาจากตั้งแต่ต้นซีซั่นที่แล้ว 3 หน(ประกอบด้วยลูกที่แม็กไกวร์ ทำได้ในเกมกับ เซาธ์ปฮมป์ตัน, ลูกที่มอร์แกนทำได้ในเกมกับ เบิร์นลี่ย์ และลูกที่ อิเฮียนาโช่ ทำได้ในนัดล่าสุด)
– เลสเตอร์ ชนะ 6 เกมติดต่อกันในลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่พวกเขาสร้างสถิติสโมสรชนะรวด 7 เกมเมื่อเดือนมีนาคม 1963
– ซีซั่นนี้ เอฟเวอร์ตัน เสียประตูในนาทีที่ 90 มากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ที่จำนวน 4 หน
– เอฟเวอร์ตัน ชนะแค่ครั้งเดียวจาก 10 เกมเยือนหลังสุดในลีก โดยเสมอ 3 และแพ้ 6
– เลสเตอร์ เสียประตูเป็นครั้งแรกจาก 5 เกมพรีเมียร์ลีก จบสถิติ 446 นาทีที่ไม่เสียประตูในเกมลีกยุคเบรนแดน ร็อดเจอร์ส นับตั้งแต่ คริส วู้ด ดาวเตะเบิร์นลี่ย์ ยิงประตูใส่ “เดอะ ฟ็อกซ์” เมื่อเดือนตุลาคม
– เจมี่ วาร์ดี้ ทำประตูใน พรีเมียร์ลีก ให้ เลสเตอร์ ได้ 6 นัดติดแล้ว (คิดเป็นจำนวน 8 ลูก) ซึ่งถือเป็นการยิงได้ติดต่อกันมากที่สุดของเขา นับตั้งแต่ที่เจ้าตัวทำสถิติการทำประตูติดต่อกันมากที่สุดของตัวเองที่ 11 นัดติดที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2015
– วาร์ดี้ ยิง 6 ประตูจาก 7 เกมลีกหลังสุดที่เจอ เอฟเวอร์ตัน
– ริชาร์ลิสัน ยิงประตูเกมเยือนติดต่อกันในพรีเมียร์ลีกซึ่งเป็นครั้งที่สองของเขาเท่านั้น โดยครั้งแรกต้องย้อนกลับไปเมื่อเดือนกันยายน 2017 สมัยเล่นให้ วัตฟอร์ด
– หลังแพ้คาบ้านในลีก 5 จาก 6 เกมสุดท้ายในยุคของ โคล้ด ปูแอล เลสเตอร์ ก็แพ้ที่บ้านของพวกเขาเองเพียงแค่หนเดียวใน 12 นัดต่อมาที่เล่นใน คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม (ที่เหลือแบ่งเป็นชนะ 9 เกม กับเสมอ 2 นัด) ขณะที่ฤดูกาลนี้พวกเขาก็ยังไม่แพ้ใครในบ้านเลย (แบ่งเป็นชนะ 5 เกมกับเสมอ 1 เกม)