พรีเมียร์ลีก สุดสัปดาห์นี้ มีเกมเตะก่อนเข้าสู่ช่วง บ็อกซิ่ง เดย์ โดย ลิเวอร์พูล ไม่มีคิวลงเตะเนื่องจากติดภารกิจแข่งฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก อย่างไรก็ตาม ยังมีบิ๊กแมตช์ ให้แฟนบอลได้ลุ้นเชียร์ จะมีประเด็นอะไรเด็ดๆ บ้างไปดูกัน
“เอฟเวอร์ตัน-อาร์เซน่อล”
สองทีมที่ตกเป็นข่าวแต่งตั้งกุนซือใหม่ แต่จนถึงตอนนี้ เอฟเวอร์ตัน ยังไม่ได้กุนซือใหม่ แต่ทัพปืนใหญ่ จัดการตั้ง มิเกล อาร์เตต้า เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เกมล่าสุดที่ทั้งคู่เจอกับ ผลคือ เอฟเวอร์ตัน เอาชนะได้ 1-0 อย่างไรก็ตาม ทอฟฟี่สีน้ำเงิน ไม่เคยเอาชนะ อาร์เซน่อล สองเกมติดต่อกันมาแล้วถึง 33 ปี หลังเคยชนะได้สามเกมติดระหว่างเดือนมีนาคม 1985 ถึง เมษายน 1986
นับตั้งแต่แพ้คาบ้านต่อ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 2-6 เมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว เอฟเวอร์ตัน เอาชนะทีมจาก ลอนดอน ได้ถึง 4 จาก 5 นัดหลังสุดที่เล่นใน กูดิสัน พาร์ค ส่วนอีกหนึ่งนัดคือผลเสมอ
อาร์เซน่อล เก็บชัยชนะเหนือ เอฟเวอร์ตัน ได้มากที่สุด (33 นัด) และยิงได้มากสุดที่ 107 ประตู ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดที่พวกเขาทำได้เหนือทีมอื่นๆ
11 ประตูของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง มีค่าเป็น 11 แต้มของ อาร์เซน่อล ในซีซั่นนี้ ซึ่งชัยชนะของ เดอะ กันเนอร์ส 7 นัดหลัง โอบา ยิงได้ 6 ประตู โดยจาก 5 เกมที่ อาร์เซน่อล ชนะในลีกประจำซีซั่นนี้นั้น โอบาเมยอง ทำประตูได้ถึง 4 นัด
“แมนฯ ซิตี้-เลสเตอร์”
เป็นการเจอกันของทีมรองจ่าฝูง และทีมอันดับสามที่ตามจี้ หาก เลสเตอร์ คว้าชัยได้ก็จะลดช่องว่างกับ ลิเวอร์พูล เหลือ 7 คะแนน ส่วน ซิตี้ หากได้สามแต้มก็จะไล่แต้ม เลสเตอร์ เหลือแต้มเดียว
การเจอกันระหว่างสองทีมนี้ เป็น แมนฯ ซิตี้ ที่ทำได้ดีกว่า โดยเอาชนะได้ 4 จาก 5 นัดที่เจอกัน ซึ่งอีกหนึ่งเกมคือนัดที่แพ้ ณ สนาม คิง เพาเวอร์ 1-2 เมื่อซีซั่นที่แล้ว
นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ปี 2010 แมนฯ ซิตี้ เก็บชัยชนะได้ถึง 249 นัด และจะกลายเป็นทีมที่สองในประวัติศาสตร์ ที่เก็บชัยชนะแตะหลัก 250 เกมในรอบหนึ่งทศวรรษ ต่อจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เคยทำไว้ 255 นัด ในยุค 2000s
เลสเตอร์ ชนะเกมเยือนได้ตลอด 4 เกมหลังสุดโดยมีผลประตูได้เสียถึง 17-1 ซึ่ง จิ้งจอกสีน้ำเงิน ไม่เคยชนะนอกบ้านได้ 5 เกมติดเลยในลีกสูงสุด
เจมี่ วาร์ดี้ นำเป็นดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีก ด้วยจำนวน 16 ประตู ส่วน เควิน เดอ บรอยน์ คือผู้ที่แอสซิสต์มากที่สุด ที่ 9 ครั้ง นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังเป็นผู้เล่นที่มีส่วนร่วมกับประตูมากที่สุดในลีก (วาร์ดี้ 19, เดอ บรอยน์ 15)
“วัตฟอร์ด-แมนฯยูไนเต็ด”
ไนเจล เพียร์สัน เตรียมคุม วัตฟอร์ด ลงเตะในบ้านเกมแรกซึ่งผลงานในบ้านของแตนอาละวาดนั้นยังไม่ชนะใครเลย
12 เกมที่เจอกันหลังสุด แมนฯยูไนเต็ด เอาชนะ วัตฟอร์ด ได้ถึง 11 นัด โดยมีเปอร์เซ็นต์ชนะที่ 92% มีแค่ วีแกน เท่านั้นที่ ปีศาจแดง มีอัตราชนะมากกว่า (94%) หากคิดเฉพาะที่เจอกันอย่างน้อย 10 เกมขึ้นไป
แค่ มาร์คัส แรชฟอร์ด คนเดียว (10) ก็ทำประตูได้มากกว่า วัตฟอร์ด ทั้งทีม โดยผู้เล่นแมนยู คนสุดท้ายที่ยิงประตูได้มากกว่า 10 ประตู ก่อนวันคริสต์มาส คือ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (11) เมื่อซีซั่น 2016/17
ครั้งเดียวที่ ไนเจล เพียร์สัน คุมทีมเล่นในบ้านเผชิญหน้ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด คือเมื่อเดือนกันยายน 2014 โดยตอนนี้เขาพา เลสเตอร์ เอาชนะได้ 5-3 โดยมีผู้จัดการทีมแค่ 6 คนเท่านั้นที่เอาชนะแมนยูในบ้านได้สองเกมแรกที่เจอ ซึ่งคนล่าสุดคือ อันโตนิโอ คอนเต้ เมื่อปี 2017
นับตั้งแต่ไม่แพ้ แมนยู 6 เกม ระหว่างปี 1984-1986 วัตฟอร์ด ก็เป็นเหยื่อของ แมนยู มาโดยตลอด แพ้ไปถึง 14 จาก 15 เกม (ชนะ1) บนลีกสูงสุด
“สเปอร์ส-เชลซี”
การเจอกันของอดีตเจ้านายและลูกน้องที่ เชลซี
ยามใดที่ โชเซ่ มูรินโญ่ คุมทีมปัจจุบันเล่นในบ้านแล้วเจอทีมเก่าของตัวเองในทุกรายการนั้น เฮียมูเอาชนะได้ถึง 12 จาก 13 นัด รวมถึงชัยชนะ 3 นัดที่ดวลกับ เชลซี
เดเล่ อัลลี ยิงได้ 5 ประตูจาก 4 เกมที่เจอกับ เชลซี ซึ่งเป็นทีมที่เขายิงได้มากที่สุด ผู้เล่นเชลซีที่ทำประตูใส่ สเปอร์ส ได้มีถึง 53 คนนับรวมถึงการทำเข้าประตูตัวเอง
ไม่มีทีมไหนชนะเกมลอนดอน ดาร์บี้ มากกว่า เชลซี อีกแล้ว ซึ่งสถิตินี้ สิงห์บลูส์ เทียบเท่ากับ อาร์เซน่อล ที่ชนะ 128 นัดเท่ากัน