“หงส์แดง” ต้องเจอกับวิกฤติอีกครั้งเมื่อ อเล็กซานเดอร์ อีซัค ขึ้นเขียงผ่าตัดข้อเท้าและกระดูกน่องแตก ส่งผลให้ต้องพักยาวแบบไม่มีกำหนด ขณะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ติดภารกิจรับใช้ทีมชาติอียิปต์ ในศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ
ขณะที่ โกดี้ คักโป ยังไม่ฟิตเต็มร้อย และไม่ชัวร์ว่าจะพร้อมลงสนามให้กับ “หงส์แดง” ในเกมพบ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ขณะที่ โดมินิค โซโบซไล ที่รับบทบาทแนวรุกฝั่งขวาชั่วคราว ก็ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบ 5 ใบ สถานการณ์แบบนี้ทำให้ อาร์เน่อ สล็อต ต้องใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด
ดังนั้นด้วยสถานการณ์แบบนี้ไม่มีเหตุผลใดอีกแล้วที่ โค้ชอาร์เน่อ จะมองข้ามคุณภาพ, ประสบการณ์ และความยืดหยุ่นในการเล่นที่ เคียซ่า สามารถมอบให้กับทีมในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้
1. พร้อมรับบทบาทตัวหลักในยามคับขัน
เคียซ่า เป็นตัวสำรองที่ถูกใช้งานมากที่สุดของ กุนซือชาวดัตช์ ในฤดูกาลนี้ แต่ในเกมเมื่อวันเสาร์ที่พบกับ สเปอร์ส นักเตะถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรองของตัวสำรองอีกทีนึง !!
สตาร์ชาวอิตาเลียน ลงสนามแทน เจเรมี่ ฟริมปง ในช่วงทดเจ็บ 9 นาที ซึ่ง ฟริมปง ก็เพิ่งถูกส่งลงมาแทน อีซัค ที่มีปัญหาบาดเจ็บจนไม่สามารถเล่นต่อได้ โดยตอนนั้นดาวเตะชาวดัตช์ได้รับบาดเจ็บปากแตก ทำให้ โค้ชอาร์เน่อ ต้องปรับแท็คติกเพื่อต้องการรักษาสกอร์นำเอาไว้
ในช่วงเวลานั้น เคียซ่า คือนักเตะที่ไว้วางใจได้มากที่สุด เพราะทั้ง เวลลิตี้ ลัคกี้ และ คาลวิน แรมซีย์ ยังไม่เคยผ่านการทดสอบในระดับพรีเมียร์ลีกเลย ขณะที่ ริโอ เอ็นกูโมฮา ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองในสภาวะกดดันแบบนี้
แม้มันอาจจะเป็นสถานการณ์ที่ เคียซ่า คงไม่ได้รู้สึกดีนักกับการต้องลงเป็นตัวสำรองของตัวสำรองอีกที แต่ในช่วงเวลาที่ทีมขาดผู้เล่นแนวรุกแบบนี้ โค้ชอาร์เน่อ ไม่ควรมองข้ามศักยภาพของนักเตะจากแดนพาสต้าซึ่งพร้อมที่จะลงตัวจริงเพื่อช่วยทีมได้ทันที
2. โดดเด่นทั้งเกมรุกและรับ
แม้ เคียซ่า ต้องเจอกับปัญหาสภาพความฟิตนับตั้งแต่ย้ายมาจาก ยูเวนตุส เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2024 แต่ตอนนี้นักเตะกลับมาฟิตสมบูรณ์แล้ว และพร้อมที่จะลงสนามหากได้รับโอกาสจากกุนซือชาวดัตช์
จุดเด่นของ เคียซ่า ที่แสดงให้เห็นนั่นก็คือความสามารถในการปรับตัวกับลีกที่เน้นการใช้พละกำลัง และความเร็วได้เป็นอย่างดี เขาสามารถสร้างผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียบเท่า หรือมากกว่านักเตะหลายคนที่เป็นขาประจำของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้
ผลงานของ เคียซ่า ถือว่าไม่ธรรมดาทั้งประตูช่วงท้ายเกมที่ยิงใส่ บอร์นมัธ และ คริสตัล พาเลซ, แอสซิสต์ให้ คักโป ในเกมที่แพ้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 รวมถึงสองแอสซิสต์ที่จ่ายให้ อูโก้ เอกิติเก้ ในศึกคาราบาว คัพ ที่เอาชนะ เซาแธมป์ตัน เมื่อเดือนกันยายน
นอกจากนี้เขายังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นในการช่วยเกมรับ โดยเฉพาะการวิ่งลงมาบล็อกไม่ให้ทีมเสียประตูในจังหวะป้องกันการยิงของ วิลสัน อิซิดอร์ ในช่วงนาทีสุดท้ายแมตช์ที่เสมอ ซันเดอร์แลนด์ 1-1
ผลงานของ เคียซ่า ในช่วงที่ผ่านมา คงทำให้ โค้ชอาร์เน่อ หันกลับมาให้ความสำคัญกับเขามากยิ่งขึ้น เพราะการเล่นที่เต็มไปด้วยแพสชั่น เป็นสิ่งที่ทีมต้องการอย่างมากในช่วงเวลาแบบนี้
3. ตำแหน่งที่ควรลงเล่นในเวลานี้
จากการที่ โซโบซไล ติดโทษแบนในเกมพบ วูล์ฟส์ ขณะที่ โม ซาลาห์ อยู่ในช่วงรับใช้ทัพไอยคุปต์ ในศึกแอฟคอน 2025 ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่แนวรุกฝั่งขวาจะเป็นหน้าที่ของ ฟริมปง
อย่างไรก็ตาม หาก ฟริมปง มีความฟิตเพียงพอ เขาจำเป็นต้องออกสตาร์ทในตำแหน่งแบ็กขวา เนื่องจากทั้ง โจ โกเมซ และ “โซโบ” หมดสิทธิ์ลงสนาม ขณะที่ คอเนอร์ แบรดลี่ย์ ก็มีแนวโน้มอาจจะพลาดลงสนามเนื่องจากบาดเจ็บเช่นกัน
ขณะที่ อีซัค ต้องพักฟื้นร่างกายแบบไม่มีกำหนดหลังเข้ารับการผ่าตัดข้อเท้า และกระดูกน่องแตก ส่วน คักโป น่าจะกลับมาช่วยทีมในเดือนมกราคม นั่นหมายความว่า “หงส์แดง” มีตัวเลือกแค่ เอกิติเก้, เอ็นกูโมฮา, ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ และ เคียซ่า
ดังนั้นหากมองจะออปชั่นเหล่านี้ มีความเป็นไปได้สูงที่ เคียซ่า จะได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริง เพราะทั้งประสบการณ์และความสามารถการยืนตำแหน่งแนวรุกขวาไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาแน่นอน
4. เหตุผลที่ เคียซ่า ต้องลงตัวจริงเกมพบ วูล์ฟส์
ไม่ว่า โค้ชอาร์เน่อ จะเลือกใช้แนวรุกสามคน หรือหวนกลับไปใช้ระบบ 4-4-2 ไดมอนด์ที่มีหน้าเป้า 2 คน ดังนั้นในสถานการณ์แบบนี้คงเป็นเรื่องยากที่ กุนซือชาวดัตช์ จะมองข้ามการส่ง เคียซ่า ลงเป็นตัวจริงในเกมดวล วูล์ฟส์
เห็นได้ชัดว่ามีเหตุผลรองรับอย่างเต็มที่ว่า นี่คือโอกาสที่ ดาวเตะ วัย 28 ปี สมควรได้รับมานานแล้ว โดยเขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และทุ่มเทมากที่สุดในทีม แม้จะไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามมากเท่าที่ควรจะเป็นก็ตาม
แม้สาวก “เดอะ ค็อป” อาจจะรู้สึกกังวลใจว่า โค้ชอาร์เน่อ จะไม่ยอมเชื่อมั่นในตัว เคียซ่า แต่ด้วยสถานการณ์ที่ขาดแนวรุกแบบนี้ จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้โอกาสเขาลงสนาม และเชื่อว่าหากทำแบบนั้นนักเตะจะไม่ทำให้ ลิเวอร์พูล ผิดหวังแน่นอน



