มาร์โค รอยส์ ในช่วงฟอร์มดีที่สุดในชีวิต

“จะบอกว่านี่คือรอยส์ที่ฟอร์มดีที่สุดก็คงจะมากไปสำหรับผม” รอยส์ให้สัมภาษณ์อย่างถ่อมตัวไว้กับหนังสือพิมพ์Süddeutscheเมื่อสัปดาห์ก่อนทั้งที่เพิ่งโชว์ฟอร์มในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลได้ดีที่สุดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาด้วยสถิติ 8 ประตูกับ 3 แอสซิสต์จาก 11 เกมในลีก…

    เมื่อย้อนกลับไปดูผลงานที่สำคัญในเส้นทางอาชีพค้าแข้งของสตาร์วัย 29 ปีก็พบว่ามีอยู่3ครั้งที่รอยส์โชว์ฟอร์มเก่งจนประวัติศาสตร์ลูกหนังเยอรมันต้องจารึกไว้ นั่นก็คือ…

 ● พาทีม “สิงห์หนุ่ม” กลัดบัคคว้าโควต้าไปเล่นฟุตบอลยูเอฟ่าแชมเปียนส์ลีกปี 2012 ด้วยการยิงประตูในลีกถึง 18 ประตู

    ● พาทีม “เสือเหลือง” ดอร์ทมุนด์ทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศยูเอฟ่าแชมเปียนส์ลีกปี 2013 ภายใต้การคุมทีมของเยือร์เก้นคล็อปป์จนฝีเท้าไปเข้าตาบาร์เซโลน่าและทีมทีมยักษ์ใหญ่อื่นๆ

    ● กัปตันเสือเหลืองผู้พาดอร์ทมุนด์ทะยานขึ้นรั้งตำแหน่งจ่าฝูงในเวลานี้

    มาเจาะลึกกันอีกสักหน่อย…

    ในรั้วสิงห์หนุ่ม

    แม้ว่ารอยส์ต้องใช้เวลาฝึกปรือฝีเท้ากับโรงเรียนฝึกสอนฟุตบอลเยาวชนของดอร์ทมุนด์นานถึง 10 ปีแต่เขากลับได้ลงประเดิมสนามในบุนเดสลีกาในชุดทีมโบรุสเซียเมินเชนกลัดบัคเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2009 ขณะนั้นทีม “เสือเหลือง” ตัดใจยอมปล่อยตัวรอยส์ไห้กับทีม “โรทไวส์อาห์เลน” เพราะไม่มั่นใจในความแข็งแกร่งทางกายภาพแต่ 3 ปีให้หลังรอยส์ก็ยิงประตูแรกในเวทีบุนเดสลีกาให้กับกลัดบัคได้ตามด้วยการโชว์ลีลาพริ้วเลี้ยงเดี่ยว 55 หลาเข้าไปยิงประตูไมนซ์

รอยส์รับใช้กลัดบัคถึง 3 ฤดูกาลและได้ร่วมงานกับลูเซียงฟาฟร์เทรนเนอร์ใหญ่ทีมเสือเหลืองคนปัจจุบันในฤดูกาลสุดท้ายกับกลัดบัคเขาโชว์ฟอร์มแจ่มกดไปถึง 18 ประตูกับอีก 13 แอสซิสต์มีอัตราทำ 1 ประตูต่อระยะเวลา 90 นาทีที่ลงสนามพากลัดบัคซิวตั๋วแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี

    ผลงานเด่น

    ● 18 ประตู 13 แอสซิสต์พากลัดบัคจบอันดับ 4 ในลีก

    ● อัตราจ่ายบอลสำเร็จสูงถึง 80 เปอร์เซนต์

    ● รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมปี 2012 ของเยอรมนี

    เพชรเม็ดงามในวงการฟุตบอลยุโรป

    แม้รอยส์จะโชว์ฝีเท้าได้อย่างโดดเด่นหลังจากย้ายซบทีมอื่นชนิดที่ว่าดอร์ทมุนด์ต้องเสียดายแต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็สามารถดึงตัวรอยส์กลับมาได้ในปี 2012 โดยมาผนึกกำลังในเกมรุกร่วมกับโรเบิร์ตเลวานดอฟสกี้กองหน้าตัวเป้าที่ยิงไปถึง 22 ประตูในฤดูกาลก่อนหน้านั้นส่วนรอยส์เล่นในตำแหน่งปีกเขากลายเป็นนักเตะกำลังหลักคนหนึ่งของทีมอย่างรวดเร็วก่อนที่รอยส์จะเจอปัญหาอาการบาดเจ็บข้อเท้าในช่วงเดือนมิถุนายนปี 2014 จนถึงเดือนมกราคม 2015 ทำให้เขาพลาดลงสนามถึง 150 วันในการเล่นกับทีมเสือเหลืองเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดรวดเร็วและมักใช้เทคนิคเลี้ยงตัดเข้ากลาง แถมยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ และเป็นมีส่วนสำคัญในการพาดอร์ทมุนด์ทะลุเข้าชิงถ้วยยูเอฟ่าแชมเปียนส์ลีกแต่น่าเสียดายที่ต้องพ่ายคู่ปรับตลอดกาลอย่างบาเยิร์น มิวนิค ไปอย่างน่าเจ็บใจ 2-1 ประตูฤดูกาลต่อมารอยส์ก็ยังโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมต่อเนื่องด้วยการยิง 16 ประตูและทำอีก 16 แอสซิสต์2 ปีแรกในถิ่นซิกนัลอิดูน่าพาร์ครอยส์ยังทำสถิติวิ่งเร็วที่สุดที่ 21.2 ไมล์ต่อชั่วโมงวิ่งรวมทั้งเกมกว่า 7 ไมล์แม้เลโอเนลเมสซี่จะเคยเอ่ยปากว่าเขาไม่มั่นใจว่ารอยส์น่าจะเหมาะกับทีมบาร์ซ่าหรือไม่แต่ก็ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่าเมสซี่กลัวจะโดนแย่งซีนรึเปล่า…

ผลงานเด่น

    ● ลงเล่นถึง 62 เกมบุนเดสลีกาใน 2 ฤดูกาลแรกกับดอร์ทมุนด์

    ● มีส่วนในการทำประตูในถึง 58 ประตู

    ● รองแชมป์ยูเอฟ่าแชมเปียนส์ลีกและแชมป์เดเอฟเอลซูเปอร์คัพปี 2013

    อายุก็เหมือนดังไวน์ยิ่งแก่ยิ่งดี

    ปัจจุบันรอยส์ในวัย 29 กะรัตรับหน้าที่กัปตันทีมภายใต้หัวหน้าเก่าอย่าง “ลูเซียงฟาฟร์” เขาอาจจะไม่ได้เร็วจี๊ดสปีดจรวดเหมือนเมื่อก่อนแล้วความเร็วสูงสุดที่ทำได้ในฤดูกาลนี้ก็เพียงแค่ 20.7 ไมล์ต่อชั่วโมงแต่ก็ยังถือว่าพอรับได้สุดท้ายแล้วประสบการณ์ทั้งหมดที่เขาสั่งสมมานั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้คู่แข่งทุกคนต่างต้องเกรงกลัว

    รอยส์กล่าวว่า “ผมต้องยอมรับความจริงว่าร่างกายไม่ได้พร้อมสำหรับการลงเล่นตลอด 60 นัดในหนึ่งฤดูกาล” แต่ในฤดูกาลนี้เขาลงเล่นตลอด 11 นัดแรกอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ “ร่างกายของผมต้องการพักบ้างเนื่องจากที่ต้องเล่นเกมบุกซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องออกตัวสปริ้นท์อยู่บ่อยครั้ง”

  ต้องมาดูกันต่อไปว่าในฤดูกาลนี้รอยส์จะยืนระยะได้ยาวแค่ไหน แต่ดูกันถึงตอนนี้แล้วพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่ารอยส์ท็อปฟอร์มจริงๆ เหลือบมองดูตารางล่าสุดดอร์ทมุนด์รั้งตำแหน่งจ่าฝูงนำกลัดบัคอยู่ 4 แต้มและนำคู่ปรับแชมป์เก่า “เสือใต้” บาเยิร์นมิวนิคถึง 7 แต้มหลังเฉือนเอาชนะในเกม “แดร์ คลาสิกเคอร์” ไปแบบสุดมันส์ 3-2 ประตูแม้ปาโก้อัลกาเซร์จะทำผลงานรั้งรองดาวซัลโวด้วยผลงาน 8 ประตูจากการลงสนามเพียง 236 นาทีส่วนยาดอนซานโชจ่ายให้เพื่อนยิงสูงสุดในลีกที่ 6 ครั้งแต่รอยส์นั้นทำผลงานสุดยอดกว่าสองคนแรกทั้งยิงทั้งแอสซิสต์รวม 12 ประตูและวิ่งมากที่สุดในอาชีพค้าแข้งเฉลี่ยถึง 7.3 ไมล์ต่อนัด

 ผลงานเด่น

    ● ยิงหรือจ่าย 1 ประตูในทุกๆ 79 นาที

    ● ลงเล่นมากที่สุดในทีมดอร์ทมุนด์ (952 นาที)

    ● มีลุ้นแชมป์อีกหลายรายการในฤดูกาลนี้…

    จาก “สิงห์หนุ่ม” กลายร่างเป็น “เสือเหลือง” รอยส์ได้โลดแล่นอย่างสง่างามบนเส้นทางนักเตะอาชีพและคงไม่มีอะไรจะ “มากเกินไป” ดังที่เขาได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้อย่างถ่อมตน