เหมือนขึ้นสวรรค์!เบเบ้สุดแฮปปี้ตอนลาแมนยู

เบเบ้ ศูนย์หน้า ราโย บาเยกาโน่ เปิดอก มีความสุขสุดขีดในตอนที่ได้ย้ายออกจาก แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ก็กล่าวยกย่อง เฟอร์กูสัน ที่คอยให้ความช่วยเหลือเขาเป็นอย่างดี

    เบเบ้ กองหน้าชาวโปรตุกีสของ ราโย บาเยกาโน่ สโมสรในศึก ลา ลีกา สเปน กล่าวว่าตอนที่ตนได้ย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้น ตนมีความสุขที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว

    ในช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2010 แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจคว้าตัว เบเบ้ มาจาก วิตอเรีย กิมาไรช์ ด้วยค่าตัวที่เชื่อกันว่าอยู่ที่ 7.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 333 ล้านบาท) หลังจากที่แข้งเลือดฝอยทองแสดงให้เห็นแววรุ่งจนมีข่าวว่าแม้แต่ เรอัล มาดริด ยังให้ความสนใจในตัวเขา

    อย่างไรก็ตาม มีรายงานระบุว่าที่จริงแล้ว เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่งได้เจอ เบเบ้ ตัวเป็นๆ ในช่วง 1 วันก่อนที่จะมีการย้ายทีมเท่านั้น ซึ่งสุดท้ายแข้งวัย 28 ปีก็แจ้งเกิดกับทีมไม่ได้ และโดนปล่อยใปให้ เบนฟิก้า ในปี 2014

    เบเบ้ ซึ่งได้ลงเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปเพียงแค่ 7 นัดจากทุกรายการเ ผยว่า “ผมติดต่อไปหาเอเยนต์เพื่อช่วยให้ผมได้ย้ายออกจากทีมทุกวัน ตอนนั้นมันเป็นช่วงเวลาที่แย่มากๆ ต่อให้คุณจะอยู่กับสโมสรที่ยอดเยี่ยม แต่เมื่อคุณไม่ได้ลงเล่น คุณก็จะไม่มีความสุข ถ้ามันเป็นอย่างนั้นแล้วคุณจะทนอยู่กับทีมต่อไปทำไมกัน ?”

    “ผมจำได้ดีเลยว่าในวันนั้นผมกำลังเดินทางไปดูเกมของ ยูไนเต็ด ร่วมกับทีมเยาวชน แล้วเอเยนต์ของผมก็โทรศัพท์มาหาผมว่าผมโดนขายไปให้ เบนฟิก้า แล้ว นั่นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผมเลยล่ะ!”

    ถึงกระนั้น เบเบ้ ก็กล่าวยกย่อง เฟอร์กูสัน ที่คอยดูแลตนเป็นอย่างดีตลอดช่วงที่อยู่กับ “ปีศาจแดง” เช่นกัน “เขา (เฟอร์กูสัน) เป็นคนที่พูดน้อยมากๆ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาพูด มันก็จะเป็นเรื่องที่ตรงประเด็นอยู่เสมอ เขาเป็นคนถ่อมตัวที่ช่วยเหลือเด็กๆ เยอะมาก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขานำทีมลงซ้อม เขาก็จะจริงจังจนไม่ชอบให้มีการเล่นมุกตลก เขาจริงจังสุดๆ และให้ทีมซ้อมหนักมากด้วย”

    “เขายังช่วยผมหลายอย่างเช่นกัน ในปีแรกที่ผมอยู่กับทีมนี่ผมอยู่ในอพาร์ทเมนท์ของเขาเลยนะ ผมต้องอยู่ในที่พักที่เขาเช่าให้ เรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพราะคนที่ทำงานร่วมกับเอเยนต์ของผมก็สนิทสมกับโค้ชพอตัว ผมไม่รู้หรอกว่าเขาเช่าที่พักให้ผมเพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสคุมผมมากขึ้นสักนิดรึเปล่า แต่ถ้าเขาเช่าที่พักให้ผม เขาก็ย่อมต้องรู้อยู่แล้วว่าผมจะกลับบ้านตอนไหน!”