หลายทีมควรดูเป็นแบบอย่าง! เลสเตอร์ กับการซื้อนักเตะที่ชาญฉลาดและคุ้มค่า

หลังจากที่กลุ่มทุน คิง เพาเวอร์ กลุ่มทุนจากไทยที่นำโดยคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา เข้าไปเทคโอเวอร์ เลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2010 “สุนัขจิ้งจอก” ก็มีพัฒนาการที่น่าประทับใจอย่างต่อเนื่อง และผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ เลสเตอร์ ภายใต้การบริหารทีมของ คิง เพาเวอร์ ก็คงจะหนีไม่พ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แบบหักปากการเซียนเมื่อฤดูกาล 2015-16 จนทำให้พวกเขาได้แชมป์ลีกสูงสุดเป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร

    อย่างไรก็ตาม อีกสิ่งหนึ่งที่ทีมงานของ เลสเตอร์ ในยุคนี้ทำได้ดีคือการซื้อนักเตะ ช่วงที่ผ่านมา เลสเตอร์ ทำการซื้อนักเตะฝีเท้าดีบางคนด้วยราคาที่ไม่แพงมากนักมาร่วมทีม ก่อนที่แข้งเหล่านั้นจะโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมเกินค่าตัวที่ซื้อเข้ามา แถมบางรายยังขายต่อในราคาสูงกว่าตอนที่ซื้อเข้ามาได้อื้อซ่าด้วย ซึ่งวันนี้เราก็จะมาดูกันว่า 5 คนที่เป็นการซื้อที่คุ้มค่าที่สุดของ เลสเตอร์ มีอะไรบ้าง

– แฮร์รี่ แม็กไกวร์
    แน่นอนว่านี่กองหลังชาวอังกฤษต้องติดอยู่ในชาร์ตนี้ เลสเตอร์ จ่ายเงินรวม 17 ล้านปอนด์ ในการดึง แม็กไกวร์ มาจาก ฮัลล์ ซิตี้ เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปี 2017 โดยตอนนั้น แม็กไกวร์ ยังเป็นเพียงแข้งที่ถูกจับตามองว่าจะมีอนาคตสดใสคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่พวกระดับซูเปอร์สตาร์อะไร

อย่างไรก็ตาม แม็กไกวร์ กลับทำผลงานได้โดดเด่นสุดๆ ทั้งตลอดช่วง 2 ฤดูกาลที่อยู่กับ เลสเตอร์ และกับทีมชาติอังกฤษในศึกฟุตบอลโลก จนล่าสุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยอมทุ่มเงินถึง 80 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,280 ล้านบาท) เพื่อดึงเขาไปร่วมทัพ และทำให้ แม็กไกวร์ เป็นกองหลังที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก พร้อมกับทำให้ เลสเตอร์ ฟันกำไรไปถึง 63 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,583 ล้านบาท)

– ริยาด มาห์เรซ
    ก่อนจะมาอยู่กับ เลสเตอร์ ในเดือนมกราคม ปี 2014 มาห์เรซ เล่นอยู่กับ เลอ อาฟร์ ที่ตอนนั้นอยู่ใน ลีก เดอซ์ หรือลีกระดับ 2 ของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งด้วยความที่เจ้าตัวอยู่กับทีมในลีกล่างของแดนน้ำหอมมันก็ทำให้ตอนนั้นเขามีค่าตัวเพียงราว 400,000 ปอนด์ (ประมาณ 16.40 ล้านบาท)

ถึงแม้ มาห์เรซ จะช่วยให้ทีมจบฤดูกาล 2013-14 ด้วยการเป็นแชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ และกลับขึ้นมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี แต่เขาก็ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นนักเตะที่เก่งมากมายนัก และที่จริงในฤดูกาล 2014-15 ซึ่งเป็นซีซั่นแรกของเขากับการเล่น พรีเมียร์ลีก มาห์เรซ ก็ไม่ได้ฟอร์มดีเด่อะไร เพราะทำไปเพียง 4 ลูก จากการลงเล่นในลีก 30 นัด

อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาล 2015-16 มาห์เรซ โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมจนเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยให้ เลสเตอร์ คว้าแชมป์ลีกไปครอง พร้อมกับทำให้เขาได้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) ประจำซีซั่นนั้น ก่อนที่ เลสเตอร์ จะขายเขาให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงซัมเมอร์ ปี 2018 ด้วยค่าตัวรวม 60 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,460 ล้านบาท) หรือก็คือ เลสเตอร์ ทำกำไรจาก มาห์เรซ ได้สูงถึง 59.60 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,443.6 ล้านบาท)

    – แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์
    นับตั้งแต่ที่ก้าวเท้าออกจาก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แบบเป็นทางการ แล้วมาอยู่กับ เลสเตอร์ เมื่อปี 2012 มันก็แทบไม่เคยมีใครคาดคิดว่าผลผลิตจากอะคาเดมี่รายนี้ของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะไปได้สวยกับอาชีพการค้าแข้งได้อีก หลังจากที่เขาไม่เคยได้เล่นในลีกให้ทีมชุดใหญ่ของ “ปีศาจแดง” แม้แต่นัดเดียว

ตอนที่ เลสเตอร์ จ่ายเงินไป 800,000 ปอนด์ (ประมาณ 32.80 ล้านบาท) เพื่อดึงเขามาอยู่กับทีมนั้น หลายคนก็คิดว่า ดริงค์วอเตอร์ จะเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆ ของทีม ก่อนที่จะต้องปิดฉากการค้าแข้งไปแบบเงียบๆ อย่างไรก็ตาม ดาวเตะชาวอังกฤษกลับทำผลงานได้โดดเด่นจนถึงขนาดช่วยให้ทีมได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปครอง

ท้ายที่สุดแล้ว ดริงค์วอเตอร์ ก็ได้ย้ายไปอยู่กับทีมใหญ่อีกครั้ง นั่นคือกับ เชลซี เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปี 2017 ซึ่งถึงแม้จนถึงตอนนี้เขาจะยังไปไม่สวยกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” แต่เขาก็ทำให้ เลสเตอร์ ได้กำไรบานเบอะถึง 34.20 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,402.2 ล้านบาท) เพราะตอนนั้นพวกเขาได้เงินจากการขาย ดริงค์วอเตอร์ 35 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,435 ล้านบาท)

    – เอ็นโกโล่ ก็องเต้
    ในช่วงซัมเมอร์ ปี 2015 เลสเตอร์ จ่ายเงินไป 5.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 229.6 ล้านบาท) ในการดึง ก็องเต้ มาจาก ก็อง ทีมในศึก ลีก เอิง ฝรั่งเศส ซึ่งตอนนั้นข่าวการย้ายทีมของ ก็องเต้ เป็นเหมือนเพียงข่าวการย้ายทีมที่ไม่น่าสนใจอะไรในลีกสูงสุดของอังกฤษ

อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วนั่นแทบจะเป็นการเสริมทัพที่ยอดเยี่ยมที่สุดของฤดูกาลนั้นก็ว่าได้ เพราะดาวเตะชาวฝรั่งเศสโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมสุดๆ จนบางคนถึงขนาดบอกว่าเขาคือคนที่มีส่วนสำคัญมากที่สุดในการทำให้ เลสเตอร์ ได้แชมป์ลีกไปเชยชม และในช่วงซัมเมอร์ ปี 2016 คราวนี้ข่าวการย้ายทีมของ ก็องเต้ ก็กลายเป็นข่าวดังสุดขีด ด้วยการที่เขาย้ายไปอยู่กับ เชลซี ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,230 ล้านบาท) และทำให้ เลสเตอร์ เก็บกำไรไปสบายๆ 24.40 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,000.4 ล้านบาท)

– เจมี่ วาร์ดี้
    ตอนที่ เลสเตอร์ ดึงตัว วาร์ดี้ มาจาก ฟลีทวู้ด ทาวน์ ทีมระดับนอกลีก เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปี 2012 ด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 41 ล้านบาท) หลายคนก็กังขาว่า เลสเตอร์ จะเสียเงินมากขนาดนี้กับกองหน้าระดับนอกลีกไปทำไมกัน

ถึงกระนั้น กองหน้าชาวอังกฤษก็พิสูจน์แล้วว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสุดขีดของ เลสเตอร์ หลังจากที่เจ้าตัวทำประตูให้ทีมได้หลายลูก โดยเฉพาะซีซั่น 2015-16 ที่กดไป 24 ประตูจากการลงเล่นในลีก 36 นัด และทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกลำดับแรกๆ ของทีมชาติอังกฤษในตอนนี้

วาร์ดี้ อาจจะต่างกับ 4 คนก่อนหน้านี้ที่ยังอยู่กับทีมมาจนถึงตอนนี้ และยังไม่ได้ทำเงินให้ทีมในด้านค่าตัวจากการโดนขาย แต่เขาก็ช่วยทำเงินให้ทีมผ่านทางยอดขายชุดแข่งและสินค้าชนิดอื่นๆ ได้ และถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างว่า เลสเตอร์ เสริมทัพได้เก่งจนน่าปรบมือชม