ผลบอล : “กระทิงดุขวิดตราไก่ดับ” ! สเปน พลิกสถานการณ์ชนะ ฝรั่งเศส ทะลุรอบชิง ศึกยูโร 2024

สเปน โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดเมื่อพลิกสถานการณ์จากที่ตกเป็นรอง ฝรั่งเศส ก่อน แต่สุดท้ายสามารถคว้าชัยชนะด้วยสกอร์ 2-1 ในศึกยูโร 2024 รอบตัดเชือก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยแมตช์นี้ ลามีน ยามาล โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด และสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นแข้งอายุน้อยสุดที่ยิงประตูในศึกยูโร โดยตอนนี้ทัพ “กระทิงดุ” ต้องรอพบผู้ชนะระหว่าง อังกฤษ กับ เนเธอร์แลนด์ ในรอบชิงชนะเลิศที่จะแข่งกันในกรุงเบอร์ลิน วันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค.นี้

ศึกฟุตบอล ยูโร 2024 รอบรองชนะเลิศ ระหว่าง สเปน พบ ฝรั่งเศส ที่สนาม มิวนิค ฟุตบอล อารีน่า เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี วันอังคารที่ 9 กรกฏาคม 2567

เริ่มต้นเกม สเปน เล่นด้วยสไตล์เน้นเกมบุกเป็นหลัก ขณะที่ ฝรั่งเศส ยึดคอนเซปป์เกมรับเหนียวแน่น และรอโอกาสที่จะใช้จังหวะสวนกลับในการเล่นงานทัพ “กระทิงดุ” 

เข้าสู่นาทีที่ 5 สเปน มีล้นได้ประตูจากจังหวะที่ ลามีน ยามาล มีโอกาสเปิดบอลจากด้านข้างให้กับ ฟาเบียน รุยซ์ ได้กระโดดขึ้นโขกโล่งๆ แต่กดไม่ลงบอลลอยข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย 

จนกระทั่งนาทีที่ 9 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ แผลงฤิทธิ์เมื่อได้บอลบริเวณฝั่งขวากรอบเขตโทษ ก่อนจะบรรจงเปิดอย่างดงามให้  ร็องดาล โกโล่ มูอานี่ กระโดดขึ้นโขกเต็มศีรษะส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย ทำให้ ฝรั่งเศส นำ 1-0 

อย่างไรก็ตาม สเปน ไม่ยอมแพ้และมาตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 21 จาก ยามาล ที่ได้บอลในระยะ 25 หลาก่อนตัดสินใจยิงไกลบอลพุ่งชนเสาเข้าประตูอย่างงดงาม และทำให้เขากลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ทำประตูได้ในหน้าประวัติศาสตร์ศึกยูโร 

หลังจากนั้นอีกแค่ 4 นาที ทัพ “กระทิงดุ” จัดหนักอีกดอกจากจังหวะที่ ดานี่ โอลโม่ โชว์ลีลากระดกบอลหลบกองหลัง  ก่อนจะตะบันเต็มข้อบอลพุ่งไปที่หน้าประตู และ ชูลส์ กุนเด้ สกัดพลาดเข้าประตูตัวเอง ช่วยให้ สเปน นำ 2-1 

เข้าส่วนช่วง 5 นาทีสุดท้ายทั้งสองทีมไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้ จบครึ่งแรก สเปน นำ ฝรั่งเศส 2-1

ครึ่งแรก สเปน 2-1 ฝรั่งเศส

เริ่มครึ่งหลังไม่ถึงนาที สเปน ได้ลุ้นอีกครั้งเมื่อ อัลบาโร่ โมราต้า เปิดบอลยาวให้ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ โชว์สปีดความเร็วกว่านรกวิ่งถึงบอลได้ทัน แต่แตะไม่พ้น ไมค์ เมนญอง ที่ออกมาพุ่งสกัดได้ทันเวลา 

ฝรั่งเศส พยายามที่จะเปิดเกมบุกอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถเจาะแนวรับของ สเปน ได้มากนัก ขณะที่ทัพ “กระทิงดุ” ใช้แท็กติกรอจังหวะ และสวนกลับโดยอาศัยความรวดเร็วของ วิลเลี่ยมส์ กับ ยามาล 

โอกาสทองของฝรั่งเศสเกิดขึ้น นาทีที่ 76 เมื่อบอลทะลักมาเข้าทาง เตโอ แอร์กน็องเดซ ที่ตะบันเต็มข้อบริเวณกรอบเขตโทษแต่น่าเสียดายที่บอลเหินข้ามคานแบบไม่มีลุ้น

ทัพ “ตราไก่” มีลุ้นทำประตูอีกครั้งในนาทีที่ 86 เมื่อ เอ็มบัปเป้ ได้จังหวะลากบอลจี้เข้าไปในเขตโทษ และตัดสินใจตะบันเต็มข้อแต่กดไม่ลงทำให้บอลเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย 

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ สเปน พยายามเน้นการครองบอล และอาศัยความแน่นอน สุดท้ายทัพ “กระทิงดุ” รักษาสกอร์ที่ต้องการสำเร็จ ทำให้ชนะฝรั่งเศส 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยรอพบผู้ชนะระหว่าง อังกฤษ กับ เนเธอร์แลนด์ ที่จะฟาดฟันกันในวันพุธที่ 10 ก.ค.

รายชื่อ

สเปน (4-3-3) :  อูไน ซิม่อน ;  เฆซุส นาบาส (ดาเนียล บีเบียน น. 58), นาโช่ เฟร์นานเดซ, เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์, มาร์ก กูกูเรย่า ; ดานี่ โอลโม่ (มิเกล เมริโน่  น. 76), โรดรี้ เอร์นานเดซ, ฟาเบียน รุยซ์ ; ลามีน ยามาล ( เฟร์ราน ตอร์เรส น.90+4) , อัลบาโร่ โมราต้า (กัปตันทีม) (มิเกล โอยาร์ซาบัล น. 76), นิโก้ วิลเลี่ยมส์ (มาร์ติน ซูบีเมนดี้ น. 90+3)

ฝรั่งเศส (4-3-3) : ไมค์ เมนญอง ; ชูลส์ กุนเด้, วิลเลี่ยม ซาลิบา, ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่, เตโอ แอร์กน็องเดซ ; เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (อองตวน กรีซมันน์ น.62), โอเรเลียง ชูอาเมนี่, อาเดรียง ราบิโอต์ (เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า  น.62) ; อุสมาน เดมเบเล่ (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น. 79) , ร็องดาล โกโล่ มูอานี่ ( บรัดเล่ย์ บาร์กโกล่า น.62) , คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (กัปตันทีม)