ในที่สุดศึกยูโร 2024 ก็ได้คู่ชิงชนะเลิศเรียบร้อยแล้ว โดย สเปน จะพบกับ อังกฤษ ที่สนามโอลิมเพียสตาดิโอน ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคมนี้ แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ลองมาเช็คแข้งยอดเยี่ยมในรอบตัดเชือกว่ามีใครกันบ้าง
แน่นอนว่า 2 ชาติที่ทะลุไปแย่งโทรฟี่ “อองรี เดอ โลเนย์” ต้องยกโขยงติดทีมอยู่แล้ว เพราะผลงานของพวกเขาโดดเด่นเหลือเกิน และบางคนถึงขนาดถูกยกให้เป็นคีย์แมนที่อาจจะนำประเทศของพวกเขาคว้าแชมป์ได้เลยทีเดียว
ฟอร์มของแต่ละคนในรอบรองชนะเลิศ ถือเป็นบทพิสูจน์ว่าพวกเขาสมควรอย่างยิ่งที่จะได้ติดทีมยอดเยี่ยมในครั้งนี้ ส่วนจะมีใครบ้าง และถูกใจของแฟนบอลหรือไม่ไปลองพิจารณากันเลย
ผู้รักษาประตู : จอร์แดน พิคฟอร์ด (อังกฤษ)
แม้ว่าจังหวะที่เสียประตูแรก พิคฟอร์ด จะไม่สามารถป้องกันอะไรได้ก็ตาม แต่มีหลายครั้งที่ โกล “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ช่วยเซฟชีวิตให้กับ อังกฤษ โดยเฉพาะจังหวะที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ยิงประตู และเจ้าตัวแสดงปฏิกิริยาว่องไวปัดบอลออกไปได้อย่างหวุดหวิด นอกจากนี้เขายังยืนตำแหน่งได้ดี และจัดการลูกโด่งได้ยอดเยี่ยม ฉะนั้นต้องยอมรับว่านี่คือหนึ่งในคีย์แมนที่นำ อังกฤษ ทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ
แบ็กขวา : ไคล์ วอล์คเกอร์ (อังกฤษ)
สำหรับเกมปะทะ เนเธอร์แลนด์ หน้าที่หลักของ วอล์คเกอร์ คือการรับมือ โกดี้ คักโป และเขาก็ทำได้ดีเยี่ยม สามารถจัดการ สตาร์ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ได้อยู่หมัด การเข้าเสียบสกัดแม่นยำ ที่สำคัญแม้ว่าอายุอานามจะปาเข้าไป 34 ปี แต่ความเร็วและความทุ่มเทยังคงยอดเยี่ยม ขณะเดียวกันถ้าหากมีโอกาสดันเกมบุก ดาวเตะแมนฯ ซิตี้ ก็พร้อมวิ่งขึ้นไปเติมเกมทันทีเช่นกัน
เซนเตอร์แบ็ก : อายเมริก ลาปอร์กต์ (สเปน)
แม้ปัจจุบัน อายเมริก ลาปอร์กต์ จะเล่นให้กับ อัล นาสเซอร์ ในศึกซาอุดี โปร ลีก ก็ตาม แต่ฟอร์มการเล่นของเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าต่อให้ไม่ได้ค้าแข้งในยุโรป ก็ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยจุดเด่นของนักเตะรายนี้ก็คือประสบการณ์ และมาตรฐานการเล่นที่คงเส้นคงวา ซึ่งเห็นได้ชัดกับการรับมือบรรดาสตาร์แนวรุกชั้นยอดของ ฝรั่งเศส ที่ทำได้ยอดเยี่ยมไม่มีที่ติ
เซนเตอร์แบ็ก : มาร์ค เกฮี (อังกฤษ)
หลังจากติดโทษแบนในรอบก่อนรองชนะเลิศ เกฮี กลับมายืนประจำการในแนวรับ และสามารถรับมือกับเกมรุกของทัพดัตช์ได้เป็นอย่างดี โดยประสานงานกับ จอห์น สโตนส์ ได้อย่างลงตัว มีหลายจังหวะที่สามารถตัดเกมได้ทันท่วงที และทำให้เกมบุกของ เนเธอร์แลนด์ เล่นยากลำบาก สำหรับแมตช์นี้ถือเป็นหนึ่งในฟอร์มที่ดีเยี่ยมของ แนวรับคริสตัล พาเลซ จริงๆ
แบ็กซ้าย : มาร์ค กูกูเรย่า (สเปน)
ต้องบอกเลยว่า กูกูเรย่า ในศึกยูโร 2024 กับฟอร์มที่เล่นให้ เชลซี เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา มันช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหว !! ผลงานของเขาโดดเด่นมากๆ ทั้งเกมรุก และเกมรับ โดยเฉพาะการประสานงานกับ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ ทำให้ฝั่งซ้ายของ สเปน อันตรายมากๆ แถมในเกมกับ “ตราไก่” ก็รับมือ อุสมาน เดมเบเล่ ได้เป็นอย่างดี งานนี้บอกเลย บูกาโย่ ซาก้า คงต้องคิดหนักเมื่อต้องเจอกับฟูลแบ็กหัวฟูรายนี้
กองกลาง : โรดรี้ (สเปน)
ถ้ามองหาผู้เล่นในแผงมิดฟิลด์ที่รักษามาตรฐานการเล่นได้คงเส้นคงวาตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ ต้องยกให้ โรดรี้ โดยนักเตะคอยทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมเกม และยังมีบทบาทสำคัญในการเล่นเกมรับด้วย แน่นอนว่าผลงานของเขาทำให้แดนกลางของ ฝรั่งเศส เล่นไม่ออก ที่สำคัญ สตาร์จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังมีทีเด็ดเรื่องการผ่านบอล และยิงไกลที่เฉียบคมด้วย
กองกลาง : ค็อบบี้ เมนู (อังกฤษ)
แม้ว่าช่วงต้นทัวร์นาเมนต์นี้ เมนู ไม่ใช่ตัวเลือกแรกในแดนกลางของ อังกฤษ แต่เมื่อ ดาวรุ่งจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้รับโอกาสเขาสามารถระเบิดฟอร์มได้ทันที และยังเล่นได้เข้าขากับ เดแคลน ไรซ์ โดยแข้งวัย 18 ปีทำผลงานแซงหน้าเพื่อนร่วมทัพ “สิงโตคำราม” ในแผงมิดฟิลด์ ที่สำคัญเขาถือเป็นแข้งที่ครบเครื่องทั้งเกมรับ และรุก แถมวิสัยทัศน์ในการผ่านบอลก็เฉียบคม ซึ่งมีหลายครั้งที่ทำให้แนวรับเนเธอร์แลนด์ต้องเจองานหนัก
กลางรุก : ดานี่ โอลโม่ (สเปน)
การบาดเจ็บของ เปดรี้ ทำให้ โอลโม่ ได้รับโอกาสเฉิดฉายในทัวร์นาเมนต์ โดย ดาวเตะแอร์เบ ไลป์ซิก แสดงให้เห็นถึงเทคนิคชั้นยอด, การผ่านบอลแม่นยำ และยังมีทักษะการจบสกอร์ที่เฉียบคม ผลงานของเขาถือเป็นส่วนเติมเต็มที่ทำให้เกมรุก สเปน สมบูรณ์แบบ ความสามารถในการหาพื้นที่ว่าง และการอยู่ที่ถูกที่เวลาช่วยทำให้ ดาวเตะวัย 26 ปีมีความสำคัญกับทัพ “กระทิงดุ” อย่างมาก
แนวรุกฝั่งขวา : ลามีน ยามาล (สเปน)
หลายสิ่งหลายอย่างที่ ยามาล แสดงให้เห็นในวัยเพียง 16 ปีถือว่ายอดเยี่ยม และน่าเหลือเชื่อเกินอายุจริงๆ ที่สำคัญประตูสุดงามที่ยิงตีเสมอ ฝรั่งเศส มันแสดงให้เห็นถึงทักษะและความสามารถชั้นยอดของเขา แน่นอนว่าความว่องไว และการกล้าเล่นเป็นสิ่งที่ทำให้แนวรับ “ตราไก่” ต้องเจอกับปัญหาตลอดทั้งเกม ดังนั้นนี่คือเพชรเม็ดงามของวงการลูกหนังสเปนอย่างแท้จริง
แนวรุกฝั่งซ้าย : ฟิล โฟเด้น (อังกฤษ)
แม้ก่อนหน้านี้ โฟเด้น จะโดนวิจารณ์อย่างหนักเรื่องฟอร์มการเล่น และมีหลายคนอยากให้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ดร็อปเขาเป็นตัวสำรอง แต่ผลงานในเกมกับ เนเธอร์แลนด์ ต้องบอกว่าโดดเด่นจริงๆ เพราะความเร็วและความคล่องตัวของเขาเล่นงานเกมรับ “อัศวินสีส้ม” ได้ตลอด ที่สำคัญยังมีโอกาสยิงทำประตูได้ ทั้งซัดบอลพุ่งชนเสา และโดนสกัดจากเส้นประตู ไม่งั้นคงมีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ดไปแล้ว
หน้าเป้า : โอลลี่ วัตกิ้นส์ (อังกฤษ)
ถึงจะไม่ใช่ตัวเลือกแรกในตำแหน่งหน้าเป้า แต่ วัตกิ้นส์ ถือเป็นออปชั่นที่สำคัญมากของ อังกฤษ โดยเฉพาะหากทีมต้องการความแตกต่างในแดนหน้า เขาสามารถทำได้ดีพอสมควร แต่ในเกมกับ เนเธอร์แลนด์ นั้น ดาวเตะ แอสตัน วิลล่า ได้ลงสนามในช่วง 9 นาทีสุดท้าย แต่กลายเป็นฮีโร่ของทีม เมื่อโชว์ทักษะการจับบอลและซัดประตูสุดเฉียบคมส่ง อังกฤษ ทะลุเข้ารอบชิงยูโรสองสมัยติดต่อกัน