ราสมุส ฮอยลุนด์ และนาทีนี้ที่ แมนยู
1. ก่อนอื่นอยากให้ดูสถิติของเขาในเกมล่าสุด
– หาตำแหน่งในกรอบเขตโทษได้ดีขึ้น ว่าแล้วสัมผัสบอลในนั้นไป 6 ครั้ง
– ดวลกับคู่แข่งแบบ 1 ต่อ 1 ทั้งหมด 5 ครั้ง เอาชนะได้ 3 ครั้ง
– พยายามกระชากบอลหนีคู่แข่ง 3 ครั้ง ผ่าน 2 ไม่ผ่าน 1 แต่มีจังหวะหนึ่งควบตะบึงไปข้างหน้าได้เมามันดีนักแล
– มีโอกาสสับไกยิง 2 ครั้ง ถากเสาออกไป 1 ครั้ง ส่วนอีกครั้งคือการชิพข้ามตัวนายทวารเข้าประตูนั่นแหละ (เอริค เทน ฮาก ถึงกับหันไปตีมือกับ รุด ฟาน นิสเตลรอย เลยทีเดียว)
2. เกมล่าสุดคือเกมที่กองหน้าสายพันธุ์หนองโพผู้นี้โชว์ฟอร์มการเล่นได้ไฉไลที่สุดในฤดูกาลปัจจุบัน
แม้จะยังคงเห็นความกระโดกกระเดกอยู่บ้าง แต่เริ่มมีส่วนกับเกมมากขึ้น เวลาไปกับบอลสัมผัสได้ถึงความวูบวาบ
โอกาสยิง 2 ครั้ง ครั้งแรกคือการลากไปหาเหลี่ยมตะบันตรงหน้ากรอบเขตโทษ ลูกพุ่งแรง และถากเสาออกไป
ครั้งที่ 2 ก็คือจังหวะชิพหนีผู้รักษาประตูเข้าไปอย่างเหนือชั้นนั่นแหละ
จริงๆ ราสมุส ฮอยลุนด์ ไม่ใช่กองหน้าที่ใช้โอกาสเปลืองนะครับ ไม่ได้นับถือสากกะเบือเป็นแม่แบบในการเล่น
ปัญหาคือต่อ 1 เกม เขาไม่ค่อยมีโอกาสทำลายตาข่ายสักเท่าไหร่
3.ในฐานะหัวหอกตัวเป้า
สิ่งแรกที่เขาต้องเผชิญคือการถูกกองหลังคู่แข่งตามประกบ ขณะที่รูปแบบการเล่นของ แมนยูไนเต็ด ก็ไม่ค่อยเอื้ออำนวยอีกตะหาก
ฟูลแบ็ค 2 ข้าง ไม่ค่อยครอสส์บอลเข้าไปในเขตโทษ แถมเปิดบอลไม่แม่นยำนัก
เช่นเดียวกับ ‘หน้ากึ่งปีก’ ทั้ง 2 ข้างที่เน้นการตัดในเข้าไปยิงเองมากกว่าการเปิดบอลให้กองหน้า
มิเท่านั้น การหา ‘ช่องว่าง’ ของตัวเขาเองด้วยที่ยังอยู่ไม่ถูกที่ถูกเวลามากนัก ซึ่งมันต้องอาศัยการลงเล่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับจังหวะให้เข้ากัน
4. เกมล่าสุดอุตส่าห์โชว์ฟอร์มได้ไฉไลแล้วจนทำประตูได้ และกำลังอยู่ในความมั่นใจแท้ๆ
แทนที่จะให้ลงเล่นแบบเต็มๆ เพื่อกระทุ้งประตูเพิ่มสร้างเสริมความมั่นใจยิ่งขึ้น
ผู้จัดการทีมดันกระชากตัวออกจากสนาม เพียงนาทีที่ 72 เพื่อเอา โจชัว เซิร์คซี่ ลูกากู ลงมาแทน
ซะอย่างนั้น !!!
