ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เดินทางมาถึงแม็ตช์เดย์ที่ 6 อย่างรวดเร็ว สัปดาห์นี้ทีมงาน Siamsport ก็ไม่พลาดที่จะคัดตัว 11 แข้งยอดเยี่ยมประจำวีกเอ็นด์ที่ผ่านมา มาให้แฟนๆได้ติดตามกัน ใครผลงานดีกันบ้าง ไปชมกันได้เลย…
ตัดบอลพลาด, เข้าพรวดหวด วาร์ดี้ ล้มในเขตโทษ, เซฟลูกจุดโทษ และจังหวะสำคัญๆ หากเปรียบ มินโญเล่ต์ เป็นอาหารหนึ่งจาน ก็คงเป็นจานที่ครบทุกรสชาติจริงๆ แม้เกมนี้เขาจะก่อความหวาดเสียวและผิดพลาด แต่ “มินนี่” ก็ยังแก้ตัวได้สำเร็จ เปลี่ยนจากที่จะได้แค่ 1 ให้กลายเป็น 3 แต้มในที่สุด และจะบอกว่าเขาคือราชาจอมเซฟลูก 12 หลาก็ย่อมได้ เพราะตั้งแต่มาอยู่คลับหงส์ตั้งแต่ปี 2013-14 มินโญเล่ต์ เซฟจุดโทษในลีกไป 7 จาก 15 ครั้งมากกว่านายด่านทุกคนในลีกด้วย!
เซนเตอร์ฮาล์ฟ : เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า (เชลซี)
เกมรุก-รับ ทำได้เยี่ยมเหลือเกินสำหรับแนวรับร่างเล็ก นัดนี้ อัซปิลิกวยต้า จัดสองแอสซิสต์สุดงามจากจังหวะวางยาวให้ อัลบาโร่ โมราต้า หลุดเดี่ยวไปซัดเปิดหัว และลูกปิดท้ายกับการพักอกต่อให้คู่หูร่วมชาติยิงปิดท้ายได้อีก เรียกได้ว่ามองตาก็รู้ใจกันเลยทีเดียว
เซนเตอร์ฮาล์ฟ : ฟิล โจนส์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
ในขณะที่ โชเซ่ มูรินโญ่ เริ่มปฏิบัติการนำรถบัสมาสู่สนาม เซนต์ แมร์รี่ นายใหญ่โปรตุกีสทำได้แค่ส่งไม้ต่อให้ “พี่หน้าเหวอ” บัญชาการแนวรับต่อไม่ให้เสียขบวน และเขาก็ทำมันได้อย่างยอดเยี่ยม
โจนส์ และพรรคพวกแผงหลัง จัดระบบเกมรับได้ดีมากๆ โดยสถิติส่วนตัวเข้าปะทะสำเร็จ 3 ครั้ง, เคลียร์บอลอันตราย 11 ครั้งสูงสุดในเกม, ชนะดวลลูกโด่ง 5 ป้องกันได้ 4 ครั้งช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด รักษาคลีนชีตเอาไว้ได้สำเร็จ
เซนเตอร์ฮาล์ฟ : คริสโตเฟอร์ ชินด์เลอร์ (ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์)
“ไอ้ยักษ์จากเมืองเบียร์” โชว์ความเหนียวแน่นให้ได้เห็นอีกแล้ว เกมนี้ ชินด์เลอร์ เข้าปะทะสำเร็จ 6 ครั้ง, เคลียร์บอลอันตราย 11 ครั้งมากที่สุดในเกม, ตัดบอล 5 ครั้ง, ชนะดวลลูกกลางอากาศ 4 ป้องกันได้ 7 ครั้งช่วยให้ ฮัดเดอร์สฟิลด์ มีหนึ่งแต้มแถมคลีนชีตกลับบ้านจากการบุกเสมอ เบิร์นลีย์ 0-0
กองกลาง : คริสเตียน เอริกเซ่น (ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์)
จอมทัพคนเก่งจากคลับไก่ ฟอร์มดีใช่เล่น ผ่านบอลสำเร็จ 82%, จ่ายลูกได้เสีย 3 ครั้ง แม้ไม่มีแอสซิสต์ แต่ เอริกเซ่น ก็ทำประตูให้ทีมได้ด้วยในเกมบุกถล่ม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ส่งผลให้ดาวเตะวัย 25 ปี ซัดไปแล้ว 33 ดอกส์ในลีก กลายเป็นนักเตะเลือดโคนมที่ยิงมากสุดใน พรีเมียร์ลีก ทำลายสถิติเดิมของ ทั่นลอร์ด นิคลาส เบนท์เนอร์ อดีตกองหน้า อาร์เซน่อล ที่เคยทำไว้ 32 ลูก
กองกลาง : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ลิเวอร์พูล)
หลายเกมที่กัปตันหงส์แดงและสิงโตคำราม โดนแฟนบอลทั้งในและนอกโลกโซเชี่ยลวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความสามารถ และบทบาทในการเล่นของเจ้าตัว แต่ผลงานในเกมนี้ของ “กัปตันเฮนโด้” ก็น่าจะกลบเสียงวิจารณ์ไปได้บ้าง
เฮนเดอร์สัน เข้าปะทะสำเร็จ 4 จาก 5 ครั้ง, เคลียร์บอลอันตราย 3 ครั้ง, ชนะดวลลูกกลางอากาศ 3 ป้องกัน 4 ครั้ง, ผ่านบอลสำเร็จ 73%, จ่ายลูกได้เสีย 3 ครั้ง และยังทำได้ 1 ประตู ซึ่งจุดเริ่มต้นก็มาจากเขาเองที่ตัดบอลจาก แฮร์รี่ แม็คไกว์ ก่อนจะวิ่งเติมขึ้นไปซัดประตูหนีห่าง 3-1 ให้ทีมได้สำเร็จ
กองกลาง : ดาบิด ซิลบา (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
“เอล กัปปิตัน” ผลงานดีต่อเนื่อง เกมนี้ผ่านบอล 87%, ผ่านบอลได้เสียถึง 6 ครั้ง และเป็นสองแอสซิสต์กับจังหวะจ่ายให้ เลรอย ซาเน่ และ ฟาเบียน เดลฟ์ ยิงประตู ทำให้สองเกมหลัง ซิลบา จัดไปแล้ว 4 แอสซิสต์ด้วยกัน
กองกลาง : เลรอย ซาเน่ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
ความเร็วของ ซาเน่ ฉีกแนวรับของ พาเลซ เป็นชิ้นๆ นัดนี้ถือว่าท็อปฟอร์มจริงๆ ยิง 1 จ่าย 2 ให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดรังถล่ม คริสตัล พาเลซ ไปแบบสบายๆเกือก 5-0
กองหน้า : อัลบาโร่ โมราต้า (เชลซี)
น่าจะทำได้มากกว่า 2 ประตูด้วยซ้ำสำหรับ “เดอะ เฮอร์ริเคน” น่าเสียดายที่ลูกฟรีคิก และการหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงดันชนเสาทั้งสองจังหวะดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เคน ก็มีส่วนช่วยให้ทีมบุกชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แบบหืดจับ 3-2 ในศึก ลอนดอน ดาร์บี้
กองหน้า : ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (ลิเวอร์พูล)
เป็นเกมปลดแอกของพ่อมดน้อยบราซิเลียนจริงๆ “คูตี้” เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น โอกาสยิง 5 ครั้ง, ผ่านบอลสำเร็จ 84%, จ่ายลูกได้เสีย 5 ครั้ง, เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จ 5 จาก 7 ครั้ง, เข้าปะทะสำเร็จ 2 จาก 4 ครั้ง, ยิง 1 จากฟรีคิกที่เป็นจุดขายของเขา และจ่าย 1 ให้ โม ซาลาห์ โขกเปิดหัว ส่งให้ ลิเวอร์พูล บุกชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 3-2 ซิว แมน ออฟ เดอะ แม็ตช์ ไปครองในเกมนี้