แฟนฟุตซอลยุคใหม่อาจจะไม่คุ้นชื่อของ “ดาส” ภาคียะ จันทร์แถม เท่าไรนัก อาจไม่ทราบด้วยซ้ำว่า นายทวารของ กรมทางหลวง รายนี้เติบโตมาพร้อมกับ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง, กฤษดา วงษ์แก้ว, จิระวัฒน์ สอนวิเชียร ในยุคดาวรุ่งยุคทอง ฟุตซอลไทย เมื่อช่วงปี 2008 ที่ปัจจุบัน 3 คนนั้น เป็นระดับซุปตาร์ไปแล้ว
แต่กลับกลายเป็นว่า นายด่านวัย 30 ปี ที่ตัดสินใจเลือกเส้นทางของตัวเอง ไปค้าแข้งต่างแดนกับฟุตซอลลีกที่จีนกับสโมสร กว่างโจว กู่ก่วงหมิง กว่างโจว ลี่ซวิ้น เป็นระยะเวลารวม 3 ฤดูกาล คือ 2010-2014 ต้องเป็นคนที่ถูกลืม ทั้งๆ ที่ไปอยู่ที่จีน เจ้าตัวจะคว้ารางวัลเกียรติยศมากมายทั้งแชมป์ลีก รวมถึงรางวัลส่วนตัวอย่างแข้งต่างชาติยอดเยี่ยมก็ตาม
การที่ “ดาส” ภาคียะ ต้องกลายเป็นแข้งที่ถูกลืมไปจากสารบบฟุตซอลไทย และทีมชาติไทย มันมีสาเหตุ เพราะประเทศจีนบล็อกโซเชียล ทำให้นายทวารดีกรีแชมป์ฟุตซอลอาเซียน 2008-2009 ไม่มีข่าวสารความเคลื่อนไหวส่งมายังเมืองไทยเลย
แต่ล่าสุด เจ้าตัวกลับมามีชื่อซ้อมกับทีมชาติไทยในชุดทำศึกชิงแชมป์เอเชีย 2018 แบบเซอร์ไพรส์ แน่นอนว่า คอลัมน์นี้ไม่พลาดที่จะจับเจ้าตัวมาคุยเปิดใจ 5 คำถาม กับ เส้นทางโต๊ะเล็กที่ผจญภัยมาเป็นระยะเวลา 10 กว่าปีแล้ว…
1.ย้อนเรื่องราวที่ไปค้าแข้งลีกจีน ให้ฟังหน่อย กับ 3 ปีที่นั่นประสบพบเจออะไรบ้าง?
ภาคียะ จันทร์แถม : “มันเหมือนเปิดโลกใบใหม่ให้กับชีวิตการเป็นนักฟุตซอล ซึ่งปีแรกๆ ที่นั่นมันเหมือนกับ รวมดาราแข้งฟุตซอลลีกบราซิล โปรตุเกส ไว้เลย ผมประสบความสำเร็จมากๆ ครับ ทั้งการเป็นแชมป์ และ รางวัลส่วนตัว ที่สำคัญยังได้เรียนรู้การใช้ชีวิตต่างประเทศ มันสุดแสนจะลำบากระยะแรก”
“ปีแรก มีเพื่อนๆ อย่าง “ดอน” ณัฐวุฒิ หมัดยะลาน, ธนากร สันทนาประสิทธิ์ แต่หลังจากนั้นพวกเขากลับไทยกันหมด ทำให้ผมอยู่ที่จีนคนเดียว 2-3 สัปดาห์แรก ผมร้องไห้ทุกคืน เพราะมันไม่รู้ว่าจะทำไงต่อ แต่เมื่ออยู่ไปสักพัก ทุกอย่างก็เข้าที่ นอกจากได้ทำฝันตัวเอง ยังได้สิ่งแปลกใหม่ ทั้งภาษา และ อีกหลายอย่าง ที่ถือว่าเป็นความทรงจำที่ดีมากๆ”
2. หายไป 3 ปี กับไปล่าฝันที่จีน แต่ที่เมืองไทย ศุภวุฒิ, กฤษดา, จิระวัฒน์ เพื่อนร่วมทีมชาติ ดังเป็นพลุแตก?
ภาคียะ จันทร์แถม : “นั่นสิ น่าจะเป็นเรื่องที่แปลกมากๆ ครับ ผมโดนเพื่อนร่วมทีมที่จีน ถามตลอดเล่นแบบนี้ทำไมไม่ติดทีมชาติ ผมไม่รู้จะตอบยังไง รวมถึง แฟน ครอบครัว ก็ถาม บางครั้งแอบน้อยใจนิดๆ นะ แต่ผมก็ก้มหน้าสู้ต่อไปครับ มันอาจจะเป็นเรื่องของโอกาส อีกทั้งอยู่ที่จีน มันขาดการติดต่อ ทำให้ทุกอย่างมันเงียบไปแต่ก็พยายามซ้อมๆ ทุกวัน ครับ หวังว่าสักวันเป็นวันของเราบ้าง”
3. โปร์ไฟล์ทีมชาติไทย ติดตัวแค่ แชมป์อาเซียนปี 2008, 2009 หลังจากนั้น ชื่อของ “ดาส” ภาคียะ เป็นแค่นักเตะที่เรียกมาซ้อมกับทีมชาติไทย?
ภาคียะ จันทร์แถม : “ใช่ครับ ที่ผ่านมาแค่มีส่วนร่วม ซึ่งก็เต็มที่ตลอดครับ ผมเคยถูกเรียกมาซ้อมบ้าง ทั้งตอนยุควิคเตอร์ เฮอร์มัน รวมถึง มิเกล โรดริโก้ ผมเข้าใจนะ โอกาสมีน้อย แต่ผมก็ทุ่มเททุกวินาที ที่ได้โอกาสแบบครั้งนี้ ต้องยอมรับครับ ทั้ง “ท็อป” คฑาวุธ, “อ้วน” คณิศร รวมถึงน้องๆ รุ่นใหม่ไฟแรง ดีกว่ามาก ซึ่งผมมองให้เป็นประสบการณ์มากกว่าอยากมีส่วนร่วมกับทีมชาติครับ ไม่ว่าจะซ้อมหรือในตำแหน่งใดก็ตาม”
4. เพิ่งฉลองอายุครบ 30 ปี ไปหยกๆ วางเป้าหมายต่อจากนี้ไว้อย่างไร?
ภาคียะ จันทร์แถม : “ผมยังสนุกกับการที่ทำอยู่ครับ อยากรับใช้ต้นสังกัด กรมทางหลวงไปอีกเรื่อยๆ ตอนนี้ผมเปิดอะคาเดมี่ด้วย กำลังมีแนวทางใหม่ๆของตัวเอง ภายภาคหน้าถ้ามีโอกาสเป็นโค้ชประตู ก็อยากทำครับ จะนำความรู้ที่สะสมมา ช่วยพัฒนาวงการให้มากที่สุดครับ ถ้าเป็นไปได้อยากมาทำงานให้ทีมชาติด้วยครับในอนาคต”
5. ถ้าให้กลับไปค้าแข้งต่างประเทศไปไหม?
ภาคียะ จันทร์แถม : “ตอนนี้มีความสุขกับ กรมทางหลวง แล้วครับ เอาจริงๆ ได้รับการติดต่อจากผู้บริหารสโมสรจากลีกจีนอยู่ตลอดแต่ตอนนี้คงเป็นไปได้ยากแล้ว แต่ถ้าบอกว่า ให้แนะนำแข้งนักฟุตซอลไทยว่า จะไปค้าแข้งต่างประเทศนั้น ผมแนะนำเลยว่าให้ไป ไปหาความท้าทาย มันได้อะไรมากกว่าบ้านเราแน่ๆ ได้เจอ ได้เห็นโลกใบใหม่ กับนักฟุตซอลเก่งๆ กว่าที่บ้านเราแน่นอน สำคัญคือ ได้เรียนรู้ภาษา วัฒนธรรม ต่างๆ ไปด้วย ผมบอกได้เลยล้ำค่ามากๆ”
“ชุ ปรัชญา”