ศีก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้วกับแม็ตช์เดย์ที่ 22 ก่อนปรับโหมดเข้าสู่โปรแกรมบอลถ้วย เอฟเอ คัพ
โดยทีมงาน Siamsport คัดเลือก 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์นี้มาให้ติดตามกัน มีใครกันบ้าง…
ผู้รักษาประตู : คาร์ล ดาร์โลว์ (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด)
สโต๊ค ยิงยังไงวิธีไหนก็ไม่ผ่านนายทวารวัย 27 ปีรายนี้ ดาร์โลว์ ซูเปอร์เซฟ 4 ครั้งสุดอันตรายในเกมนี้ ช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการเสียประตู และควักสามแต้มกลับบ้านแบบเต็มภาคภูมิ
กองหลัง : เอคตอร์ เบเยริน (อาร์เซน่อล)
สถิติเข้าปะทะสำเร็จ 4 ครั้ง, เคลียร์บอลอันตราย 2 ครั้ง, ตัดบอล 1 ครั้ง, ป้องกันลูกโด่ง 3 ครั้ง, เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จ 2 จาก 3 หน, เป็นผู้ร้ายและพระเอกในเวลาเดียวกัน หลังทำทีมเสียจุดโทษโดนยิงตีเสมอ 1-1 สุดท้าย เบเยริน เป็นฮีโร่กดประตูตีเสมอให้ อาร์เซนอล ไล่เจ๊า เชลซี แบบสุดมันส์ 2-2
กองหลัง : จามาล ลาสเซลเลส (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด)
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ นิวคาสเซิ่ล มีสามแต้มเหนือ สโต๊ค ด้วยการบุกชนะ 1-0
กัปตันทีมวัย 24 ขวบ เล่นได้แน่นอนจริงๆ สถิติเข้าปะทะสำเร็จ 2 ครั้ง, เคลียร์บอลอันตราย 12 ครั้ง, ตัดบอล 2 ครั้ง และชนะดวลลูกโด่ง 6 ป้องกัน 6 ครั้ง
กองหลัง : เดยัน ลอฟเรน (ลิเวอร์พูล)
พอรู้ว่าทีมจัดหนักทุ่มเงินซื้อ เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค มาร่วมทัพเพื่อต่อสู้แย่งตำแหน่งตัวจริง เหล่าบรรดากองหลังหน้าเก่าก็เค้นฟอร์มเก่งกันใหญ่ โดยเฉพาะ เดยัน ลอฟเรน ที่ช่วงหลังผลงานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เกมบุกเชือด เบิร์นลีย์ 2-1 “ลอฟเรนมิเนเตอร์” ผ่านบอลสำเร็จ 82%, เคลียร์บอลอันตราย 10 หน, ตัดบอล 1 ครั้ง, ในส่วนของลูกกลางอากาศ เจ้าตัวเอาชนะคู่แข่ง 11 ป้องกัน 12 เล่นเพื่อเกมบุก 3 ครั้ง และ 1 ใน 3 นั้นก็เป็นลูกแอสซิสต์ให้ รักนาร์ คลาวาน โขกประตูชัยช่วงท้ายเกมให้ ลิเวอร์พูล ได้สามแต้มกลับรังในที่สุด
กองหลัง : ฟาเบียน เดลฟ์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
เดลฟ์ เล่นเด่นที่สุดในบรรดาแนวรับของทีม สถิติเข้าปะทะสำเร็จ 6 จาก 7 ครั้ง, เคลียร์บอลอันตราย 2 ครั้ง, ตัดบอล 2 ครั้ง, ดวลลูกโด่งชนะ 3 ป้องกัน 4 ครั้ง, เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จ 2 จาก 3 ครั้ง และผ่านบอลสำเร็จ 93%
กองกลาง : ริยาด มาห์เรซ (เลสเตอร์ ซิตี้)
เล่นได้อย่างแจ่มสำหรับตัวรุกแอลจีเรีย เข้าปะทะสำเร็จ 2 ครั้ง, ตัดบอล 1 ครั้ง, เลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้สำเร็จ 4 จาก 6 ครั้ง, ผ่านบอลสำเร็จ 85%, คีย์พาส 1 ครั้งเป็น 1 แอสซิสต์ และโอกาสทำประตู 1 ครั้งเป็น 1 ลูกสุดเนียนเกมเปิดรังทิ่ม ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ 3-0
กองกลาง : เควิน เดอ บรอยน์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
เกมเสมอ คริสตัล พาเลซ 0-0 มิดฟิลด์เบลเจี้ยน ถูกหามลงเปลออกจากสนาม แลดูเหมือนจะบาดเจ็บหนักพักยาว ที่ไหนได้นัดถัดมาลงสนามเฉย และก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเหมือนเคย
เดอ บรอยน์ เข้าปะทะสำเร็จ 3 ครั้ง, โอกาสยิง 4 ครั้ง, ผ่านบอลสำเร็จ 85%, ผ่านบอลได้เสีย 6 ครั้งมากที่สุดในเกมนี้ โดย 2 จาก 6 ครั้งกลายเป็นประตูให้ แมนฯ ซิตี้ เปิดรังทุบ วัตฟอร์ด 3-1
กองกลาง : ปอล ป็อกบา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
พื้นที่หน้ากรอบ 18 หลา เป็นบริเวณที่ “คุณป็อก” โปรดปราน และสร้างความหายนะให้กับคู่แข่งได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
เกม แมนฯ ยูไนเต็ด บุกเคี้ยว เอฟเวอร์ตัน 2-0 ป็อกบา ถูกดันให้ขึ้นสูงมากขึ้น ทำเกมบุกได้โดยไม่ต้องพะวงกับเกมรับ เนื่องจากมี อันเดร เอร์เรร่า และ เนมันย่า มาติช คอยเก็บกวาดให้ ซึ่งทำให้กัปตันทีมผีแดงมีอิสระในเกมรุกอย่างเต็มเหนี่ยว โอกาสยิง 4 ครั้ง, เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จ 2 จาก 3 ครั้ง, ดวลลูกโด่งชนะ 3 ป้องกัน 3 เล่นเพื่อเกมบุก 3 ครั้ง, ตัดบอล 1 ครั้ง, จ่ายลูกสำคัญๆ 5 ครั้งมากที่สุดในเกม และ 2 จาก 5 ครั้งดังกล่าวเป็นสองแอสซิสต์ให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ เจสซี่ ลินการ์ด รังสรรค์ประตูสุดสวยให้ทีม
กองกลาง : แจ๊ค วิลเชียร์ (อาร์เซนอล)
นี่คือเกมที่ แจ๊ค วิลเชียร์ เล่นดีที่สุดนับตั้งแต่ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้ทีมในเกมลีก!
การที่ทัพปืนโตได้ วิลเชียร์ กลับคืนสู่ทีมทำให้เกมแดนกลางของอาร์เซนอลไหลลื่น มีมิติ และสมดุลมากขึ้น ผลงานเกมเสมอเชลซีผ่านบอลเข้าเป้า 85%, เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จ 2 ครั้ง, มี 1 ประตูในเกมลีกที่รอคอยมาเป็นเวลานาน นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2015
กองกลาง : มาร์ค อัลไบรท์ตัน (เลสเตอร์ ซิตี้)
อีกหนึ่งแข้งจากค่ายจิ้งจอกสยามที่ทำผลงานได้น่าปรบมือ ด้วยความขยัน ความแม่นยำ และอยู่ถูกที่ถูกเวลาทำให้ อัลไบรท์ตัน ยิง 1 จ่าย 1 ได้ในเกมตบน้องใหม่ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์
กองหน้า : แอนดี้ แคร์โรลล์ (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด)
บิ๊กแอนดี้คัมแบ๊ก! นานมากแล้วที่ แคร์โรลล์ พังประตูไม่ได้ แต่เกมนี้จัดให้กดเบิ้ลให้ เวสต์แฮม พลิกสถานการณ์จากผู้ตามมาเป็นผู้ชนะในการเปิดรังเชือด เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 2-1