ถ้าจะมี”คนนอก”คนไหนที่มักชอบเข้าออกสนามซ้อมราว”คนใน”ก็คงต้องชี้ไปยังซูเปอร์เอเยนต์ร่างอ้วนผู้มีสไตล์การแต่งตัวเรียบง่ายนามว่ามิโน ไรโอล่า
ตอนที่พยายามปิดดีลสลับขั้วระหว่างอเล็กซิส ซานเชซกับเฮนริคห์ มคิทาร์ยานก็เดินโท้งๆเข้าและออกลอนดอน โคลี่ย์ของอาร์เซนอลหน้าตาเฉย พอมีคนถามว่าคุณมาทำอะไร คำตอบที่มักได้รับคืนจะเป็น”ผมมาทำงานที่ไม่มีใครทำได้นอกจากผม”
แน่นอน นาทีนี้เมื่อหลายริมฝีปากกำลังพูดถึงแต่พอล ป็อกบา มีการวิเคราะห์ต่างๆออกไป มีการแสดงทัศนะที่ทั้งเหมือนและต่าง บุคคลที่ต้องถูกเอ่ยถึงก็หนีไม่พ้นไรโอล่า
“มันต้องเสี้ยมแน่นอน พออเล็กซิสมาได้ค่าเหนื่อยเยอะกว่าเป็นประวัติการณ์ มันต้องเป่าหูป็อกบาให้พยายามแสดงอาการไม่พอใจเพื่อให้ได้ค่าเหนื่อยเท่ากัน” ใครบางคนหล่นประโยคนี้เอาไว้เร็วนี้
ก็เป็นเหตุผลที่น่าฟังและคิดตาม มันมีน้ำหนักให้พอเชื่อถือได้ต่อให้จะไม่มีการยืนยันจากแหล่งใดก็เหอะ เนื่องจากมันเป็นหน้าที่หนึ่งของอาชีพที่เรียกว่าเอเยนต์หรือมีสมยานามอีกอย่างว่า”ปลิง”
อย่างไรก็ตามวงในของสโมสรตราอสูรออกมาเผยกับหนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์ฉบับล่าสุดโดยมีใจความดังนี้ “ความสัมพันธ์ของพวกเรากับมิโนง่อนแง่นมากที่สุดนับแต่ทำงานร่วมกันมา คุณก็รู้ว่าเรามีนักเตะที่เขาดูแลอยู่หลายคน(อิบรา, ลูกากู, โรเมโร่)แต่จากการที่เขาเจ้ากี้เจ้าการมากไปทำให้เจ้านายไม่พอใจ เขาเองยังไปบอกโชเซ่ด้วยว่าตำแหน่งไหนที่ควรส่งป็อกบาลงสนาม”
นี่เองจึงเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ระยะหลังโชเซ่ มูรินโญ่ไม่รีรอจะดร็อปนักเตะมูลค่า 89 ล้านปอนด์ ออกจากทีมแถมตอนที่เจ้าตัวอ้างว่าป่วยจนหลุดจากทีมเกมเอฟเอ คัพกับฮัดเดอร์สฟิลด์ก็ยังยักไหล่กระแทกกระทั้นกลับไปว่า”ผมไม่แคร์เขา….”
จินตนาการก็วาดภาพออกทันทีว่าคนที่อีโก้จัดแถมยังมีคาแรกเตอร์อหังการอย่างนี้จะยอมได้ไงที่มี”คนนอก”มากระซิบข้างใบหูวางแผนให้เสร็จ
ดังนั้นสี่เกมหลังมานี้นับจากวันที่พ่ายหมดรูปให้ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส 0-2 จึงมีถึงสามเกมที่ป็อกบาไม่ได้เป็นตัวจริงให้แมนฯยูไนเต็ด
อย่างยิ่งยวดรอยแผลยิ่งฉีกกว้างขึ้นในค่ำคืนแชมเปี้ยนส์ลีกกับเซบีย่า ปกติเกมที่มีความสำคัญอย่างนี้ยังไงก็ต้องส่งผู้เล่นที่คิดว่าดีที่สุดลง ถามว่าฝีเท้าของจอมทัพทีมชาติฝรั่งเศสด้อยกว่าเนมาน่า มาติช, อันเดร์ เอร์เรร่าและไอ้หนูสกอตต์ แม็คโทมิเนย์ตรงไหน??
เปล่าเลย เหนือกว่าด้วยซ้ำ
เพียงแต่…
“ตอนที่ผมดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฟุตบอลให้เรอัล มาดริด พวกเราได้นักเตะที่คุณภาพดีมากอยู่ในทีมหลายคน พวกเขาเปี่ยมด้วยเทคนิค มีความเป็นนักกีฬาที่ดีหากพวกเขาขาดพื้นฐานสำคัญที่ผมมักเรียกว่าวิธีการเล่นฟุตบอลไป พวกเขาตัดสินใจไม่เด็ดขาดแถมยังไม่รู้จักรักษาตำแหน่งในสนามได้ด้วย เหนืออื่นใดหลายคนผมไม่มั่นใจด้วยว่าพวกเขาพร้อมจะเรียนรู้หรือเปล่า”
คำกล่าวข้างบนมาจากอาร์ริโก้ ซาคคี่ อดีตกุนซือทีมชาติอิตาลีชุดรองแชมปโลกปี 1994ซึ่งครั้งหนึ่งเคยไปทำงานให้ราชันชุดขาวในสเปน ทุบให้ละเอียดก็คงถอดใจความได้ระหว่างคำสองคำ
1. ดี
2. เก่ง
คนเก่งอาจไม่จำเป็นต้องดีและคนดีไม่น้อยเลยที่ไม่ได้เก่งเลิศเลอ
ถ้าเก่งด้วยผสมดีด้วย นั่นแหละยอดมนุษย์หากโลกนี้พิศวงเสมอดังนั้นแล้วเราจึงมักพบนิยามง่ายๆที่หาได้ทั่วไป“ได้อย่างเสียอย่าง”
โลกนี้มีนักเตะฝีเท้ายอดเยี่ยมมากหากพอผ่านกระบวนการคัดกรองจะเหลือที่หลุดรอดออกมาเป็น“ดาว”ประดับบนฟากฟ้าได้ไม่เท่าไร นั่นมาจากสิ่งที่ซาคคี่ได้บอกเอาไว้ว่าหลายต่อหลายคนไม่พร้อมจะปรับตัวเข้าหาโลกแห่งความเป็นจริง
ขออนุญาตคัดลอกบทความของเจมี่ คาร์ราเกอร์ซึ่งได้ละเลียดเอาไว้ในเดลี่ เทเลกราฟฉบับวันเสาร์มาแบ่งปันกัน ผมว่าเขาเขียนได้ตรงประเด็นมากเกี่ยวกับป็อกบา
“ย้อนกลับไปตอนที่แมนฯยูไนเต็ดแพ้ให้ซิตี้คาบ้าน 2-1 ทว่าทรงของเกมสู้กันไม่ได้เลย ผมวิเคราะห์เอาไว้ว่าเป็นเพราะแผงมิดฟิลด์ไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเองโดยเฉพาะสิ่งที่ป็อกบาแสดงในสนาม ตอนนั้นมูรินโญ่ซึ่งเป็นโค้ชที่เชี่ยวชาญการวางแท็กติกแต่ไหนแต่ไรก็ถือว่าได้ยินเสียงเตือนภัยบางอย่างแล้ว ผมยังคิดต่อไปว่ามูรินโญ่พยายามจะปรับทัศนคติให้ป็อกบามาตลอดว่ามิดฟิลด์ที่ครบเครื่องต้องได้ทั้งเกมรุกและรับ เมื่อใครก็ตามมาอยู่กับทีมร่วม 18 เดือนแล้วยังมีคำถามถึงตำแหน่งที่ดีที่สุด ผมว่านั่นไม่ใช่แล้ว”
“แม้กระทั่งเกมที่ยูไนเต็ดบุกชนะอาร์เซนอลที่เอมิเรตส์ ถึงสกอร์ 3-1 แต่รูปเกมเป็นเจ้าถิ่นที่ยำแหลก พวกเขามีโอกาสยิงถึง33 ครั้งเพียงแต่ฟอร์มเหนียวหนึบของเด เกอาที่ช่วยให้พวกเขาได้สามแต้ม ถามอีกว่าทำไมกันเนอร์สถึงเหมือนหาจังหวะยิงได้ง่ายจัง ก็ต้องมองที่แผงมิดฟิลด์ซึ่งไม่ได้ทำให้เกมรุกอาร์เซนอลรู้สึกอึดอัดมากเท่าที่เป็น แน่นอนพอมาถึงเกมที่พวกเขาเสียท่าให้สเปอร์สที่เวมบลีย์ บาดแผลที่โดนปกปิดจึงขาดเหวอหวะ”
อืมมมมมม
แทบทุกคนลงความเห็นเหมือนกันว่าเป็นเพราะมูรินโญ่ดื้อด้านด้วยที่ไม่ยอมมอบตำแหน่งที่เหมาะสมให้ป็อกบา หมายถึงระบบ 4-3-3 แล้วให้เจ้าของทรงผมสีแดงประจำการด้านซ้ายคล้ายสมัยอยู่ยูเวนตุส นั่นแหละจะรีดศักยภาพออกมาเต็มที่
ใช่ครับ เราต่างประจักษ์มาแล้ว
กระนั้นเอาไปเปรียบกับสิ่งที่เควิน เดอ บรอยน์ทำกับแมนฯซิตี้แต่ละสัปดาห์ ด้วยระบบ 4-3-3 เหมือนกัน ความต่างอยู่แค่ว่าที่นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของอังกฤษถ่างออกไปทางขวาเท่านั้น
ถามว่าเป๊ป กวาร์ดิโอล่ามอบอิสระให้เต็มที่ ไปไหนก็ได้หรือเปล่า?
ถามว่าเป๊ป กวาร์ดิโอล่ายังเพิกเฉยอดีตนักเตะที่แจ้งเกิดไม่ได้กับเชลซีว่าไม่ต้องสนใจเกมรับหรอกไหม?
คำตอบ-เปล่าเลย
หากมันเป็นนิสัยบนความทุ่มเทที่เดอ บรอยน์มอบให้ทีมเต็มที่ต่างหาก ถ้าสังเกตระเบียบการตั้งเกมรับของเรือใบจะไม่มีแค่เฟร์นานดินโญ่ที่มาคอยปัดกวาดหน้าแผงหลังแต่ทุกคนจะมาช่วยกัน
นี่คือทีมที่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามสร้างโอกาสน้อยที่สุดของลีก นายทวารเอแดร์ซอนออกแรงเซฟเพียง 44 ครั้งเท่านั้นตลอดซีซั่นที่ผ่านมา(เด เกอา 87 ครั้ง สูงสุดอันดับสองรองแค่ฟาเบียนสกี้)
เดอ บรอยน์ทำไป 14 แอสซิตส์แต่ก็มีสถิตเข้าแย่งบอลสำเร็จเฉลี่ย 1.6 ครั้งต่อเกม ส่วนป็อกบาทำไป 9 แอสซิตส์ทว่าเข้าแย่งบอลได้ตกแค่เกมละ 1.1 ครั้งเท่านั้น
ยิ่งยกตัวอย่างพวกตำนานมิดฟิลด์พรีเมียร์ลีก ที่ใกล้ตัวเลยสตีเว่น เจอร์ราร์ด, แฟร้งค์ แลมพาร์ดและพอล สโคลส์ ทั้งหมดมีทีเด็ดตรงการส่องประตูจากแถวสองทว่าระเบียบวินัยในการลงมาช่วยเกมรับก็ได้รับการชูนิ้วโป้งเสมอมา นี่เองเป็นความต่าง
ปัญหาของป็อกบาตอนนี้จึงไม่ใช่ปัญหาเพียงแค่เชิงแท็กติก ยิ่งพออเล็กซิสมาสวมเบอร์เจ็ดคอยลากเลื้อยทางซ้ายอยู่แล้วก็ทำให้ความสมดุลของทีมต้องปรับกันใหม่ทว่ามันมาจากพื้นฐานการเป็นนักฟุตบอลของคนๆหนึ่งด้วย
ย้อนไปราวสองสัปดาห์ก่อน เวย์น รูนี่ย์ซึ่งได้รับเชิญให้เป็นแขกพิเศษให้ช่วงถ่ายทอดสดมันเดย์ไนท์ของสกายสปอร์ตได้เปิดเผยว่ารุด ฟาน นิสเตลรอยเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยร่วมงานมาตลอดอาชีพค้าสตั๊ด นอกจากการยิงประตูเฉียบขาดแล้วก็ยังมีพาสชั่นสูงมาก
“บางเกมที่เราชนะสบายสามหรือสี่ลูกแต่ถ้าเขายิงไม่ได้หรือเขาดันพลาดง่ายๆ ภาพที่พบบ่อยจะเห็นเขา(รุด)นั่งก้มหน้าผิดหวังอยู่แถวหลังสุดของรถโค้ช”
หากมันยังมีความลับอีกเรื่องที่ทำให้รุดตัดสินใจเก็บข้าวของออกจากโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดนอกจากเรื่องที่หลายคนทราบว่าเป็นเพราะมีปากเสียงกับเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันมาจากการที่อดีตหัวหอกทีมชาติฮอลแลนด์ไม่พอใจในตัวคริสเตียโน่ โรนัลโด้ซึ่งเป็นนักเตะที่เห็นแก่ตัว จังหวะควรจ่ายก็เลือกเลี้ยงไปเองหรือพยายามยิงด้วยตัวเอง
“รุดแฮปปี้มากตอนที่ผมย้ายมาอยู่แรกๆ เขาชอบที่จะมีนักเตะอย่างเบ็คแฮมกับกิ๊กส์คอยโยนบอลให้ทว่าพฤติกรรมของเขาเปลี่ยนไปพอคริสเตียโน่เข้ามาและได้ลงสนามต่อเนื่อง ผมรู้ว่าเขาไม่พอใจในบางเรื่อง”รูนี่ย์เล่าเอาไว้ตอนถ่ายทอดสดมันเดย์ไนท์สองสัปดาห์ที่แล้ว
มันสะท้อนครับว่าเรื่องความขัดแย้งเป็นความปกติของการใช้ชีวิตเป็นหมู่คณะ ยิ่งเยอะก็ยิ่งมากความโดยเฉพาะการเอาคนเก่งมารวมกันก็ต้องท่องจำว่าต้องมีปัญหาตามมาแน่
ปัญหาของป็อกบาจึงผสมผสานหลายเรื่อง
ตั้งแต่เอเยนต์ไรโอล่าเข้ามามีบทบาทเกินขอบเขต, ความรู้สึกน้อยใจที่ไม่ใช่เบอร์หนึ่งของทีมเหมือนเดิมจนถึงสิ่งสำคัญที่สุดมาจากความที่เขายังไม่ถึงขั้นนักเตะที่ยอดเยี่ยม
ฝีเท้ามีแน่ทว่าแค่นั้นไม่เพียงพอ
เมื่อนักเตะวัยเพิ่งผ่านการบรรลุนิติภาวะอย่างแม็คโทมิเนย์โผล่มาเริ่มยึดตำแหน่งได้ในทีม นั่นบ่งบอกครบถ้วนครับว่า”รุ่นพี่”ต้องรีบปรับปรุงตัวเองโดยด่วน…