เดเล่ อัลลี่ แม้จะซัดให้ “ไก่เดือยทอง” ขึ้นนำไปก่อน แต่มาเจอทีเด็ดของทัพ “ปีศาจแดง” ที่รัวยิงสองลูกรวดจาก อเล็กซิส ซานเชซ และอันเดร เอร์เรร่า พาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แซงเอาชนะสเปอร์ส 2-1 ทะลุเข้าไปลุ้นแชมป์สมัยที่ 13 ในรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ในเกมตัดเชือก เอฟเอ คัพ ที่สนามเวมบลี่ย์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
เอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบรองชนะเลิศ
วันเสาร์ที่ 21 เมษายน 2561
แมนฯยูไนเต็ด 2 – สเปอร์ 1
สนาม: เวมบลี่ย์ สเตเดี้ยม, (ลอนดอน, อังกฤษ)
ผู้ชม: 84,667 คน
“ปีศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด จัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามครบครันให้ ดาบิด เด เคอา นายทวารจอมหนึบลงมาเฝ้าเสา พร้อมส่ง ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศส ลงทำเกมแดนกลางร่วมกับ อันเดร เอร์เรร่า และ เนมานย่า มาติช
สามประสานแดนหน้าส่ง เจสซี่ ลินการ์ด, โรเมลู ลูกากู และ อเล็กซิส ซานเชซ ลงล่าตาข่าย
ส่วน “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ใช้ มิเชล ฟอร์ม ลงเฝ้าเสา พร้อมให้ เอริค ดายเออร์ คุมเกมกับ มูซ่า เด็มเบเล่ ปล่อยให้ ซน ฮึง-มิน, เดเล่ อัลลี่ และ คริสเตียน เอริคเซ่น ร่ายเกมรุกช่วย แฮร์รี่ เคน กองหน้าตัวเป้าเข้าทำประตู
ออกสตาร์ทครึ่งแรกมาได้แค่นาทีเดียว สเปอร์ส ได้โอกาสก่อนจากจังหวะที่ คริสเตียน เอริคเซ่น จ่ายให้กับ แฮร์รี่ เคน ลากมายิงด้วยซ้ายจากนอกเขตโทษบอลแฉลบ ฟิล โจนส์ กองหลังของแมนฯยูไนเต็ด ออกหลังไป
ผ่านมา 11 นาที สเปอร์ส ขึ้นนำก่อน 1-0 อย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ ดาวินซอน ซานเชซ วางบอลยาวขึ้นหน้าให้ คริสเตียน เอริคเซ่น หลุดไปเปิดจากทางกราบขวาไปเสาสองให้ เดเล่ อัลลี่ พุ่งมาชาร์จด้วยซ้ายจ่อๆเข้าประตูไปอย่างสวยงาม
หกนาทีต่อมา สเปอร์ส มีโอกาสอีก แฮร์รี่ เคน จ่ายให้กับ คริสเตียน เอริคเซ่น ตะบันด้วยขวาในกรอบเขตโทษบอลพุ่งหลุดเสาซ้ายไป
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 19 ไก่เดือยทอง โต้เร็วขึ้นมา แฮร์รี่ เคน จ่ายให้กับ ซน ฮึง-มิน หลุดเดี่ยวขึ้นมาทางด้านซ้าย ก่อนยิงด้วยซ้ายจากทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย บอลแฉลบ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ออกหลังไป
อย่างไรก็ตามนาทีที่ 24 แมนฯยูไนเต็ด ตามตีเสมอ 1-1 จนได้จากจังหวะที่ มูซ่า เด็มเบเล่ กองกลางของสเปอร์ส ไปเล่นยากจะล็อคบอลหลบ ปอล ป็อกบา แต่โดนเบียดแย่งไปได้ แล้ว ป็อกบา โยนด้วยขวาจากทางด้านซ้ายเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ อเล็กซิส ซานเชซ กองหน้าชาวชิลี แอ่นตัวโขกย้อนศรเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างสวยงาม
พอตีเสมอได้ ปีศาจแดง เริ่มมั่นใจบุกมาทาง โรเมลู ลูกากู โยนให้กับ เจสซี่ ลินการ์ด โขกในกรอบเขตโทษบอลหลุดเสาซ้ายไปในนาทีที่ 27
สิบนาทีต่อมา ไก่เดือยทอง ทำเกมขึ้นมา คริสเตียน เอริคเซ่น ตักบอลให้กับ ซน ฮึง-มิน หลุดมาหวดด้วยขวาในกรอบเขตโทษด้านซ้ายบอลหลุดกรอบไปได้ลุ้นทีเดียว
ก่อนหมดครึ่งแรกนาทีเดียว แมนฯยูไนเต็ด สร้างความหวาดเสียว เมื่อ ปอล ป็อกบา ปั่นโค้งด้วยขวาจากหน้ากรอบเขตโทษบอลแฉลบ เอริค ดายเออร์ นิดหนึ่ง ทำท่าจะเสียบเสาอยู่แล้ว แต่ มิเชล ฟอร์ม นายทวารของสเปอร์ส บินปัดออกหลังไปได้ทัน
ช่วงทดเจ็บครึ่งแรกนาทีที่ 45+2 สเปอร์ส น่าจะได้ประตูอย่างยิ่ง เมื่อ มูซ่า เด็มเบเล่ เปิดให้กับ เอริค ดายเออร์ ตวัดยิงด้วยขวาจากนอกเขตโทษบอลแฉลบ คริส สมอลลิ่ง กองหลังของแมนฯยูไนเต็ด นิดหนึ่ง ไปกระแทกเสาขวาเต็มๆ หมดครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 1-1
กลับมาบู๊กันต่อในครึ่งหลัง สเปอร์ส ได้ลุ้นในนาทีที่ 58 เมื่อต่อบอลกันมาสวยงาม ก่อนที่จังหวะสุดท้าย เดเล่ อัลลี่ เปิดให้ แฮร์รี่ เคน ได้สับไกด้วยซ้ายจากกลางกรอบเขตโทษไปติด คริส สมอลลิ่ง กองหลังปีศาจแดง ที่ทิ้งตัวขวางไว้ทัน บอลออกหลังไป
สี่นาทีต่อมา กลายเป็น แมนฯยูไนเต็ด มาได้ประตูแซงนำ 2-1 จากจังหวะที่ อเล็กซิส ซานเชซ พลิกตัวเปิดจากทางกรอบเขตโทษด้านซ้ายเข้ากลางมา โรเมลู ลูกากู จับบอลไม่อยู่ ลูกเลยมาถึง อันเดร เอร์เรร่า ที่เติมขึ้นมา ซัดด้วยขวาบอลลอดขาของ เบน เดวิส แบ็คซ้ายของสเปอร์ส เข้ากลางประตูไป
จากนั้นนาทีที่ 65 ปีศาจแดง มีโอกาสอีกครั้ง ปอล ป็อกบา จ่ายให้กับ โรเมลู ลูกากู หลุดมาทางกรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนซัดด้วยซ้ายบอลหลุดเสาแรกออกไป
ถัดมาสามนาที ไก่เดือยทอง แก้เกมส่ง ลูคัส มูร่า ปีกชาวบราซิล ลงสนามมาแทน เบน เดวิส แบ็คซ้ายชาวเวลช์
สเปอร์ส เกือบได้ประตูตีเสมอในนาทีที่ 73 เมื่อ คริสเตียน เอริคเซ่น มีโอกาสได้วางเท้าซัดด้วยซ้ายจากนอกเขตโทษบอลเฉี่ยวเสาซ้ายมือของดาบิด เด เคอา ไปนิดเดียวเท่านั้น
สองนาทีให้หลัง แมนฯยูไนเต็ด สวนขึ้นมา อันโตนิโอ วาเลนเซีย จ่ายให้กับ ปอล ป็อกบา วางเท้ากดด้วยขวาจากนอกกรอบเขตโทษฝั่งขวา เล่นเอา มิเชล ฟอร์ม นายทวารสเปอร์ส ต้องปัดทิ้งออกหลังไป
ท้ายเกมนาทีที่ 86 สเปอร์ส ทำเกมรุกมาทาง เดเล่ อัลลี่ จ่ายให้กับ ลูคัส มูร่า วางเท้าซัดด้วยขวาจากนอกเขตโทษบอลข้ามคานไป
สามนาทีต่อมา สเปอร์ส ได้ฟรีคิกทางด้านซ้าย เอริค ลาเมล่า โยนให้กับ วานยาม่า โหม่งจ่อๆ บอลข้ามคานไปอีก
เวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้อีก จบเกม แมนฯยูไนเต็ด ชนะไป 2-1 ตบเท้าเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยรอพบผู้ชนะคู่ระหว่าง เชลซี-เซาธ์แฮมป์ตัน ต่อไป
สำหรับรอบชิงชนะเลิศจะเล่นกันที่เวมบลี่ย์ สเตเดี้ยม ในวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม นี้
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนฯยูไนเต็ด: ดาบิด เด เคอา – อันโตนิโอ วาเลนเซีย (มัตเตโอ ดาร์เมียน น.80), คริส สมอลลิ่ง, ฟิล โจนส์, แอชลี่ย์ ยัง – อันเดร เอร์เรร่า, เนมานย่า มาติช, ปอล ป็อกบา – เจสซี่ ลินการ์ด (มาร์คัส แรชฟอร์ด น.83), โรเมลู ลูกากู, อเล็กซิส ซานเชซ (มารูยาน เฟลไลนี่ น.90+6)
สำรองไม่ได้ใช้: โชเอล เปเรยร่า (ผู้รักษาประตู) – วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล, ฆวน มาต้า
สเปอร์ส: มิเชล ฟอร์ม – คีแรน ทริปเปียร์, ดาวินซอน ซานเชซ, แยน แฟร์ต็องเก้น, เบน เดวิส (ลูคัส มูร่า น.68) – เอริค ดายเออร์, มูซ่า เด็มเบเล่ (วิคเตอร์ วานยาม่า น.78) – ซน ฮึง-มิน (เอริค ลาเมล่า น.86), เดเล่ อัลลี่, คริสเตียน เอริคเซ่น – แฮร์รี่ เคน (กัปตันทีม)
สำรองไม่ได้ใช้: อูโก้ โยริส (ผู้รักษาประตู) – โทบี้ อัลเดอร์แวเรลด์, แซร์ช โอริเย่ร์, มุสซ่า ซิสโซโก้
ผู้ตัดสิน: แอนโธนี่ เทย์เลอร์