คุณยังจำพ่อหนุ่ม กีเยร์โม่ บาเลร่า ได้ไหม? ชีวิตของดาวเตะชาวอุรุกวัย กำลังลำบากไม่แพ้กุนซือที่คว้าเขามาร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด อย่าง เดวิด มอยส์ เลย
ทั้งๆ ที่เขาถูกเตือนแล้วแท้ๆ…
เจ้าหน้าที่สโมสร ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต สะกิดเขาว่าอย่าเพิ่งเลย แต่ บาเลร่า เชื่อว่า มันเป็นเคล็ดที่จะนำพาความสำเร็จมาให้ก่อนเกมนัดชิงถ้วย เยอรมัน คัพ
ย้อนกลับไปเพียง 12 เดือนก่อนหน้า บาเลร่า เพิ่งลงทุนวางท่อนแขนให้ช่างลงเข็มสัก ก่อนที่ ยูไนเต็ด จะลงทำศึก เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศกับ คริสตัล พาเลซ ที่ เวมบลีย์
เขาคิดว่า หากสักอีกที แฟร้งค์เฟิร์ต น่าจะทำได้ดีในการดวลกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เหมือนอย่างที่ “ปีศาจแดง” ทุบทำลาย “ปราสาทเรือนแก้ว”
เขาไม่ได้เลือกลายถ้วย เดเอฟเบ โพคาล ตอนที่เดินเข้าสตูดิโอ สกัลล์ แท็ตทู แบด วิลเบล พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมอีกสองคน แต่ลายที่ บาเลร่า จัดไปคือ “ลา คัตทรีน่า” ซึ่งเป็นใบหน้าผู้หญิงน่าสะพรึง หนึ่งในสัญลักษณ์ของเทศกาลวันแห่งความตายอันโด่งดังตามขนบธรรมเนียมของ เม็กซิโก
แต่ที่น่าสะพรึงกว่าคือ รอยสักของเขาเกิดการติดเชื้อขึ้นมาอย่างกระทันหัน
สโมสร แฟร้งค์เฟิร์ต โกรธมาก ถึงขั้นลงดาบแบน บาเลร่า โดยมีผลบังคับทันที พร้อมปรับเงินอาน 63,000 ปอนด์ (ราว 315,000 บาท) แถมชะลอการตัดสินใจที่จะยืดสัญญายืมตัวออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ค่าปรับก้อนดังกล่าว เท่ากับค่าเหนื่อยของ บาเลร่า ราว 4 เดือนเชียว
แต่มันอาจไม่สำคัญเท่ากับว่า โอกาสทองในการโชว์ฝีเท้าของเขา ได้หลุดลอยไปต่อหน้าต่อตา
แบ๊กขวาจอมบุก มีโอกาสดีมากนะครับที่จะได้ลงเล่นในเกมที่ถือว่า ยิ่งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรนัดนี้ ไม่เหมือนกับที่ เวมบลีย์ ปีก่อนที่โอกาสแทบเป็นศูนย์
เขามีส่วนร่วมมาตลอด 5 นัดติดต่อกันก่อนจะถึงแม็ตช์ชิงชนะเลิศที่กรุงเบอร์ลิน ซึ่งการได้ลงเล่น น่าจะลบความทรงจำอันเลวร้ายของเขาก่อนหน้านั้นได้
เขาเจ็บเอ็นข้อเท้าเพียงนัดที่ 3 ที่เขาลงเล่นให้สโมสรในเดือนกันยายน
หลังเข้ารับการผ่าตัดซ่อมแซม และถอดน็อตที่ฝังตัวอยู่ออกไป กว่าจะลงมาโลดแล่นบนสนามได้ ก็ต้องรออีกนานถึงห้าเดือน
วิบากกรรมยังไม่หมดเพียงเท่านั้น หลังจากที่ฉีดยาระงับปวด และกัดฟันลงปะทะ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ต่อด้วย บีเลเฟลด์ แล้ว พ่อหนุ่มชาวอุรุกวัย ก็เกิดเจ็บขึ้นมาอีก จนต้องขึ้นเขียงผ่าตัด และพักต่ออีกถึงสามเดือน
ด้วยเลือดนักสู้เต็มเปี่ยม แข้งจอมโหดวัย 24 ไม่เคยท้อ และพยายามทำตัวให้สนุกกับชีวิตที่ แฟร้งค์เฟิร์ต เพราะเชื่อมั่นเหมือนเพื่อนร่วมทีม ยูไนเต็ด อย่าง อันเดรียส เปไรร่า และ โจเอล เปไรร่า ว่า การออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในอื่นๆ ทั่วยุโรป จะช่วยเพิ่มโอกาสในการกลับมาอยู่ในแผนงานของ โชเซ่ มูรินโญ่ ให้เขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเข้าสู่ปีสุดท้ายของสัญญา
อันที่จริง เขาเคยได้รับเลือกจาก มูรินโญ่ ให้ลงเล่นในเกมปรีซีซั่นนัดเปิดตัว “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” พบ วีแกน เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว แต่หลังเข้าพูดคุยแบบเปิดอกกับเจ้านายจากแดนฝอยทองแล้ว ก็มีคำแนะนำให้ไปสะสมประสบการณ์แบบยืมตัวที่อื่นก่อน
น่าเสียดาย ที่ช่วงชีวิตในยุโรปของ บาเลร่า กำลังจะปิดฉากลงแบบสะเทือนอารมณ์เบาๆ
หลายคนอาจลืมไปแล้วว่า บาเลร่า คือนักเตะคนแรกที่ มอยส์ คว้าตัวเข้าร่วมทีม นอกจากนี้ เขายังนับเป็นดาวรุ่งคนแรกที่ หลุยส์ ฟาน กัล หยิบขึ้นมาเล่นให้ชุดใหญ่ หลังถูก เรอัล มาดริด กาสตีย่า หรือชุดสำรองของ “ราชันชุดขาว” จากการทำงานของ ซีเนดีน ซีดาน ยืมไปใช้ช่วงสั้นๆ
บาเลร่า ได้ลงเล่นให้ทีมชุดแรกของ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนธันวาคมปี 2015 ก่อนจะได้เป็นตัวจริงอีกใน 9 นัด ในช่วงระยะเวลา 3 เดือนครึ่ง
หนึ่งในเกมที่ผลงานเข้าตาสุดๆ คือเกมปะทะ เวสต์แฮม ซึ่งนับเป็นนัดที่หกของเขาในรอบ 20 วัน แฟนผีหลายคนยังจดจำได้กับช็อตที่เขาขัดขวาง ดิมิทรี ปาเย็ต ที่ตอนนั้นกำลังพีค ในจังหวะหลุดเดี่ยว
ไม่ใช่แค่แฟนผี แต่ตัวของ บาเลร่า เอง ก็คงไม่มีวันลืมโมเม้นท์ที่กองเชียร์ ยูไนเต็ด ทั้ง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต่างลุกขึ้นปรบมือให้เขาตอนออกจากสนามในนาทีที่ 87 ของเกม
กระนั้น ความล้มเหลวในการตามจับตาย ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ จนเสียประตูเปิดแผลในเกม ยูโรปา ลีก อีกสี่วันถัดมา ก็ส่งผลให้ บาเลร่า ถูกจับใส่สนับก้นจนกระทั่งจบฤดูกาล
ด้วยวัย 24 ปี สถิติในการเล่นให้ทีมชุดใหญ่กับต้นสังกัดในสี่ประเทศที่ไม่ซ้ำหน้า นับได้แค่ 55 เกมเท่านั้น ตั้งแต่เปิดซิงเมื่อปี 2011
เขาต้องซมซานกลับไปอยู่ที่ เปนารอล อีกครั้ง
หลังจากวิ่งไล่ตามความฝันของตัวเองนานถึงสี่ปีบนภาคพื้นทวีปยุโรปแล้ว การกลับบ้านเกิด ไปอยู่กับสโมสรที่รักตั้งแต่วัยเยาว์ ได้อยู่ใกล้ชิดกับครอบครัว และเพื่อนๆ อาจจะช่วยให้ความหวังในการไปลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของเขากลับมาเป็นรูปเป็นร่างอีกครั้งก็เป็นได้
แต่สิ่งหนึ่งที่เขาคงต้องจดจำไม่มีวันลืมเลือนได้คือ จุดที่เขาทำผิดพลาดไป
รอยสักที่ฝังแน่นอยู่ตรงแขน จะตามหลอกหลอน บาเลร่า ไปตลอดชีวิต…