“ปืนใหญ่” เฉือนหวิว “เชลซี” ที่เหลือสิบคน 2-1 ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยเอฟเอ คัพ สมัยที่ 13 มากสุดในประวัติศาสตร์
ศึกฟุตบอลถ้วยเอฟเอ คัพ อังกฤษ 2017 รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลีย์ ในกรุงลอนดอน เมื่อวันเสาร์ที่ 27 พ.ค. เป็นการพบกันระหว่าง “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ภายใต้การนำทัพของ อาร์เซน เวนเกอร์ กุนซือจอมเก๋าชาวฝรั่งเศส ที่จบซีซั่นด้วยอันดับที่ 5 ดวลแข้งกับ เชลซี ทีมแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2016-17 ที่คุมทัพโดย อันโตนิโอ คอนเต กุนซือชาวอิตาเลี่ยน ซึ่งหวังจะคว้า “ดับเบิลแชมป์” หากเอาชนะได้ในแมตช์นี้ สำหรับผลการแข่งขันปรากฏว่า อาร์เซนอล เฉือนชนะ เชลซี ที่เหลือผู้เล่นสิบคน ไปได้อย่างหวุดหวิด 2-1
โดย อาร์เซนอล ได้ประตูขึ้นนำเร็ว 1-0 หลังจากเขี่ยลูกไปได้แค่ 3 นาที 49 วินาที จาก อเล็กซิส ซานเชซ ถือเป็นประตูที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ หลังจากนั้น นาที 68 เชลซี ต้องเหลือผู้เล่นแค่สิบคน เนื่องจาก วิคเตอร์ โมเซส ถูกไล่ออกจากสนาม ทำให้เขาเป็นผู้เล่นคนที่ 5 ในประวัติศาสตร์ที่ถูกไล่ออกในเกมนัดชิงดำเอฟเอ คัพ ต่อจาก คริส สมอลลิง (2016/แมนฯ ยูไนเต็ด), พาโบล ซาเบเลตา (2013/แมนฯ ซิตี), อันโตนิโอ เรเยส (2005/อาร์เซนอล) และ เควิน มอแรน (1985/แมนฯ ยูไนเต็ด) แม้จะเหลือผู้เล่นน้อยกว่า แต่ เชลซี กลับสามารถไล่ตามตีเสมอ 1-1 ได้จาก ดีเอโก คอสตา ในนาที 77 อย่างไรก็ดี อาร์เซนอล มาได้ประตูชัย 2-1 จาก อารอน แรมซีย์ ในนาที 79
ชัยชนะครั้งนี้ ทำให้ อาร์เซนอล ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยเอฟเอ คัพ อังกฤษ ไปครองเป็นสมัยที่ 13 (1929–30, 1935–36, 1949–50, 1970–71, 1978–79, 1992–93, 1997–98, 2001–02, 2002–03, 2004–05, 2013–14, 2014–15, 2016–17) มากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ ก่อนหน้านี้ พวกเขาถือครองสถิติเป็นแชมป์ 12 สมัยร่วมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้าน อาร์เซน เวนเกอร์ สร้างสถิติเป็นกุนซือที่คุมทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาครองได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ 7 สมัย โดยเป็นการคุม อาร์เซนอล แค่ทีมเดียวเท่านั้น การคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ ทำให้ เวนเกอร์ น่าจะต่อสัญญาใหม่กับ “ปืนใหญ่” เพิ่มออกไปอีก 2 ปี.
