5เหตุผลที่จะทำให้นักบุญล้มผีซิวแชมป์อีเอฟแอล

 เซาธ์แฮมป์ตัน มีคิวดวลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนาม เวมบลีย์ ในศึก อีเอฟแอล คัพ รอบชิงชนะเลิศ หลังโชว์ฟอร์มสวยหรูชนะทั้ง อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล มาได้ในรอบก่อนหน้านี้ ขณะที่ ยูโรสปอร์ต สื่อกีฬาชั้นนำ วิเคราะห์ 5 เหตุผลที่ “นักบุญ” สามารถจะเอาชนะ “ปีศาจแดง” พร้อมจบปัญหาร้างแชมป์ 40 ปี ในเกมวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ ดังต่อไปนี้

1.) กับเบียดินี่ ฟอร์มร้อนแรงเกินห้ามใจ

         มาโนโล่ กับเบียดินี่ กำลังอยู่ในฟอร์มที่ร้อนแรง ไม่ใช่แค่เพราะการยิง 3 ประตู จาก 2 นัดให้กับ เซาธ์แฮมป์ตัน เท่านั้น แต่ดาวยิงชาวอิตาลียังยิง 3 ประตูให้กับ นาโปลี อดีตต้นสังกัด ก่อนย้ายเข้าสู่ถิ่น เซนต์ แมรี่ส์ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาอีกด้วย หัวหอกวัย 25 ปีถือเป็นหนึ่งในศูนย์หน้าที่ครบเครื่อง ทั้งการโหม่งที่รุนแรงและการจบสกอร์ที่เฉียบขาด ซึ่งลูกยิงในเกมกับ ซันเดอร์แลนด์ และ เวสต์แฮม น่าจะพิสูจน์ให้เห็นเรื่องนั้นแล้ว และเจ้าตัวจะสร้างปัญหาปวดหัวให้กับ คริส สมอลลิ่ง และ เอริก ไบยี่ คู่ปราการหลัง “ปีศาจแดง” ตลอดทั้งเกมอย่างแน่นอน

 2.) มคิทาร์ยาน วืดลงสนาม

         เฮนริค มคิทาร์ยาน กลายเป็นหัวใจสำคัญในแนวรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นในเกม 18 นัดหลัง โดยเจ้าตัวระเบิดฟอร์มยิง 6 ประตู และแอสซิสต์อีก 5 ครั้ง อย่างไรก็ตาม โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือชาวโปรตุเกส อาจต้องปรับแผงมิดฟิลด์ หลังสตาร์กองกลางทีมชาติอาร์เมเนีย ได้รับบาดเจ็บจากเกม ยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง ที่บุกชนะ แซงต์-เอเตียน 1-0 และฟิตไม่ทันลงบู๊ เซาธ์แฮมป์ตัน อย่างไรก็ตาม ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ยังสร้างความอันตรายได้เสมอ ซึ่ง “นักบุญ” ต้องเฝ้าระวังให้ดี แม้เกมรับจะอ่อนลงเล็กน้อยจากการขาด เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค แต่ต้องไม่ลืมว่า พวกเขายังไม่เสียประตูในรายการนี้แม้แต่ลูกเดียว

 3.) สถิติของ ปูแอล ในเกมบอลถ้วยสุดหรู

         โคล้ด ปูแอล เคยนำ โอลิมปิก ลียง ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2010 นอกจากนี้ยังเคยนำ โมนาโก คว้าแชมป์ ลีก เอิง และบอลถ้วยในประเทศฝรั่งเศสมาแล้ว ดังนั้นเขาจะไม่ขาสั่นแน่นอนเมื่อต้องคุม เซาธ์แฮมป์ตัน ลงเล่นใน เวมบลีย์ หรือต้องเจอกับคู่แข่งที่แข็งแกร่ง ขณะที่ก่อนหน้านี้เขาเคยคุมทัพ ลีลล์ เปิดบ้านเสมอ “ปีศาจแดง” ที่คับคั่งด้วยดาวดัง อาทิ เวย์น รูนี่ย์, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ รุด ฟาน นิสเตลรอย ภายใต้การคุมทัพของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน 0-0 ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2005 มาแล้ว

 4.) แมนฯ ยูไนเต็ด อาจมีอาการล้า

         เกมนี้จะเป็นการลงสนามนัดที่ 8 ในรอบ 29 วันของ “ปีศาจแดง” ซึ่งอาจส่งผลให้ทีมของ มูรินโญ่ มีอาการล้าให้เห็น โดย เซาธ์แฮมป์ตัน มีเวลาเตรียมทีมเต็ม 1 สัปดาห์สำหรับเกมนัดนี้ ขณะที่ ยูไนเต็ด มีเวลาเพียง 3 วันเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าสภาพร่างกายของแข้ง “นักบุญ” จะเหนือกว่า และเรื่องนี้อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยชี้วัดผู้ชนะในเกมนี้

 5.) เซาธ์แฮมป์ตัน ไม่มีเรื่องอื่นให้กังวล

         “นักบุญ” ไม่เหลืออะไรให้ลุ้นแล้วในฤดูกาลนี้ โดยปัจจุบันน่าจะอยู่รอดปลอดภัยใน พรีเมียร์ลีก แบบสบายหายห่วง ขณะที่ไม่มีฟุตบอลถ้วยรายการอื่นให้ต้องกังวลแล้ว ตรงข้ามกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีคิวบุกเยือน รอสตอฟ ในเกม ยูโรปา ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม ขณะที่ยังต้องลุ้นทำอันดับในตารางเพื่อจบเป็น 4 อันดับแรกให้ได้ โดย เซาธ์แฮมป์ตัน ยังได้รับแรงกระตุ้นกับโอกาสลงชิงชัยใน ยูโรปา ลีก หากซิวแชมป์สำเร็จอีกด้วย